17 มีนาคม 2016 เวลา 16:14:59 น.

วัดถ้ำปุ่ม-ถ้ำปลา

 ถ้ำปลา ตั้งอยู่ บ้านโป่งงาม ต.โป่งงาม อ.แม่สาย ลักษณะเป็นลำธารเล็กๆไหลออกจากใต้ภูเขาหินปูน ไหลทะลุผ่านภูเขาหลายเส้นทางโดยไหลออกทางหน้าปากถ้ำด้านทิศตะวันออกสายน้ำเหล่านี้มีต้นกำเนิดมาจากน้ำตกห้วยเนี้ย ถ้ำนี้วัดความกว้างได้ประมาณ 2.50 เมตร 

 ความสูงวัดจากฝั่งน้ำขึ้นไป สูงประมาณ 1.50 เมตร น้ำลึกประมาณ 0.50 เมตร ซึ่งบริเวณนี้เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นที่อยู่ของปลาดั้งเดิม คือ ปลาพวงเงิน ปลาไม้หีบ ตลอดจนปลาที่นักท่องเที่ยวนั้นนำมาปล่อย ได้แก่ ปลาดุก ปลาคร๊าฟ ปลาไหล ปลาทับทิม เต่า ปลาเงินปลาทอง ปลาไน เป็นต้น แต่เนื่องมาจากไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร อีกทั้งนักท่องเที่ยวให้อาหารปลาจำนวนมาก ปัจจุบันจึงมีน้ำสีคล้ำ ถ้ำปลามีปลาที่มีลักษณะพิเศษ ซึ่งเกี่ยวข้องกับตำนานที่เรียกว่า “ปลาหีบหนีบปิ้ง” ซึ่งไม่มีใครพบเห็นตัวมานานแล้ว ในอดีตถ้ำนี้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปในถ้ำได้ลึกประมาณ 10 เมตรและมักจะพบเศษกระเบื้องดินเผา(ดินขอ) สมัยโบราณไหลมาตามน้ำด้วยนอกจากนี้บริเวณปากน้ำยังพบก้อนหินขนาดใหญ่ 3 ก้อนและลำธารที่น้ำไหลออกมานี้มีความลึก ประมาณ 3 เมตร ปลาพวงเงินและปลาไม้หีบ สามารถแหวกว่ายไปมา มองเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะในตอนเช้าตรู่ พระ สามเณร และเด็กวัดมักจะให้ข้าวปู่จา (ข้าวที่เหลือจากการฉันขอพระ)เป็นอาหารต่อมาประมาณปี พ.ศ 2526พระสงฆ์ที่จำพรรษา ชื่อ พระสามซึ่งตาบอดทั้ง 2 ข้างได้ปรับปรุงและบูรณะปฎิสังขรณ์โดยขุดลอกขยายบริเวณปากถ้ำและปรับก้อนหินให้เป็นบันไดทางเข้าถ้ำบริเวณที่ต่อเนื่องกับเปลวปล่องฟ้าซึ่งอยู่ทางด้านทิศใต้

ตำนานปลา ตามตำนานโยนกกล่าวว่า เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดสัตว์และออกบิณฑบาตที่เมืองโยนกนาคะนครไชยบุรีศรีช้างแสน ได้ดำเนินเลียบเชิงเขามายังถ้ำลอดเปลวปล่องฟ้า ปรากฏว่ามีชาวบ้านนำปลาหนีบไม้ปิ้งมาใส่บาตร ได้ทรงอธิฐานให้ปลากลับมีชีวิตแล้วปล่อยลงรูเหวในถ้ำเปลวปล่องฟ้า พระอานนท์ก็เทน้ำออกจากบาตร เกิดเป็นธารน้ำไหลออกมาทางหน้าผาด้านตะวันออก เกิดเป็นถ้ำปลา จากนั้นพระพุทธเจ้าทรงนำก้อนหินปิดรูเหวที่เทน้ำลงไป และนำเส้นพระเกศาไว้ในหินให้เป็นที่สักการะบูชาของคนต่อไป จนกระทั้งราวพุทธศตวรรษที่ 15 เจ้าอุชุตราช ผู้ครองโยนกนคร ได้สถาปนาพระเจดีย์และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ในถ้ำ

- ถ้ำเปลวปล่องฟ้า เป็นถ้ำที่อยู่ถัดจากถ้ำปลาไปทางทิศใต้ ถ้ำนี้ตั้งอยู่บนยอดเขามีลักษณะเป็นถ้ำทะลุสู่ท้องฟ้า แสงอาทิตย์สามารถส่องผ่านพื้นถ้ำได้ การขึ้นไปชมถ้ำนี้นักท่องเที่ยวจะต้องเดินบันไดซึ่งวัดระยะทางจากทางขึ้นบันไดชั้นแรกถึงปากถ้ำ ประมาณ 180 เมตร ที่ระยะความสูง ประมาณ 90 เมตร ทางแยกซ้ายมือ นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดไปชมยังจุดชมวิว ซึ่งมีความสูง ประมาณ 17 เมตร บริเวณนี้ สามารถมองเห็นทิวทัศน์บริเวณใกล้เคียงอย่างสวยงามอาทิเช่นแผงขายของบริเวณโรงเรียนวัดถ้ำปลาวิทยาคม บ้านห้วยปูแกง บ้านถ้ำสันติสุข เป็นต้น เมื่อเดินลงมาจากจุดชมวิวแล้ว จะเป็นทางเดินเรียบ ระยะทางประมาณ 11 เมตรจะถึงบริเวณปากถ้ำช่วงแรก ซึ่งมีช่วงกว้างที่สุดวัดได้ประมาณ 4.40 เมตร ช่วงแคบที่สุดวัดได้ประมาณ 2.50 เมตรความสูงของถ้ำช่วงนี้วัดได้ประมาณ 1.90 เมตร ภายในถ้ำได้รับการบูรณะตกแต่งด้วยการปูพื้นถ้ำด้วย หินอ่อนมีพระพุทธรูปขนาดกว้างตักกว้าง 2 เมตร สูง 2.50 เมตร ประดิษฐาน ไว้ให้บูชา ภายในถ้ำวัดความกว้างได้ประมาณ 21 เมตรลึกประมาณ 32.20 เมตร ด้านบนสุดเป็นช่อง (ปล่อง) ทะลุท้องฟ้า แสงอาทิตย์สามารถลอดผ่านได้ถึง 2 ช่อง ช่องที่ 1 กว้างที่สุดอยู่ทางทิศตะวันออกวัดความกว้างได้ประมาณ 8 เมตร สูงประมาณ 15 เมตรช่องที่ 2 อยู่ทางทิศตะวันตก วัดความกว้างได้ประมาณ 3 เมตรสูงประมาณ 20 เมตร ด้วยเหตุนี้ถ้ำนี้ ชาวบ้านจึงเรียกว่า ถ้ำเปลวปล่องฟ้า

- ถ้ำฆ้องหรือถ้ำก้อง เป็นถ้ำที่ใช้ทางเดินขึ้นร่วมกับถ้ำเปลวปล่องฟ้า คือ เมื่อถึงระยะทางประมาณ 65.40 เมตร ด้านซ้ายมือของทางขึ้นนักท่องเที่ยวสามารถเดินลัดเลาะไปตามโขดหินด้านทิศใต้ ระยะทางประมาณ 30 เมตรจะพบถ้ำก้อง(ฆ้อง) ที่มีลักษณะป็นโพรงลึกทางลงต้องปีนป่ายไปตามโขดหินถึงพื้นถ้ำ วัดความกว้างของถ้ำได้ ประมาณ 4.40 เมตร สูงประมาณ 2.10 เมตร ต่อจากบริเวณนี้เดินลัดเลาะตามโขดหินไปทางทิศตะวันออก จะพบบ่อน้ำที่ชาวบ้านเรียกว่า "น้ำบ่อทิพย์"  ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณแยกประมาณ 35 เมตร และภายในบริเวณนี้วัดความกว้างของถ้ำได้ ประมาณ 6.20 เมตร ยาวประมาณ 30 เมตร หลังจากนั้นจะเป็นโพรงทะลุลงสู่หน้าผาที่ สูงชันมองเห็นทิวทัศน์ของโรงเรียนบ้านถ้ำ ตชด.และบริเวณใกล้เคียงได้อย่างสวยงาม เมื่อมีเสียงดังภายในน้ำนี้ เสียงจะดังก้องทะลุออกทางโพรงด้านนี้ ชาวบ้านจึงขนานนามถ้ำนี้ว่า "ถ้ำก้อง (ฆ้อง) "

- ถ้ำน้อย เป็นถ้ำที่อยู่ห่างจาก จุดทางขึ้นถ้ำเปลวปล่องฟ้าไปทางทิศใต้ ประมาณ 100 เมตร มีลักษณะเป็นโพรงเล็กๆ มีลำธารไหลทะลุผ่าน ซึ่งมี 2 จุด จุดที่ 1 ขนาดของถ้ำกว้างประมาณ 5 เมตร บริเวณที่ลำธารไหลออกจากปากถ้ำ วัดเส้นผ่านศูนย์กลางยาวประมาณ 0.50 เมตรจุดที่ 2 อยู่ห่างจากจุดที่1 ประมาณ 20 เมตร ถ้ำบริเวณนี้มีขนาดใหญ่กว่าจุดแรก วัดความกว้างได้ประมาณ 2.40 เมตร ความสูงประมาณ 3 เมตร ธารน้ำที่ไหลออกจากถ้ำ มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.60 เมตร บริเวณนี้มีลักษณะเด่น คือ ด้านหน้ามีเถาวัลย์ของสะบ้าใหญ่ (มะบ้าใหญ่) ซึ่งแต่เดิมเคยมีค่างหางยาวใช้เป็นที่อยู่อาศัยและปีนป่ายเล่น

- ถ้ำเงิบ ถ้ำนี้อยู่ห่างจาก ถ้ำน้อยจุดที่ 2 ประมาณ 30เมตร อยู่ในเขตความรับผิดชอบของหมู่ที่ 3 บ้านถ้ำ-ปลา และอยู่ในบริเวณถ้ำเสาหิน มีลักษณะเป็นหน้าผายื่นออกมา วัดความกว้างของปากถ้ำได้ประมาณ 8 เมตร สูงประมาณ 3 เมตร ลึกประมาณ 5 เมตร ส่วนใหญ่ใช้เป็นที่หลบฝนและพักผ่อนหย่อนใจ

- ถ้ำวอก อยู่ถัดจากถ้ำเงิบไปทางทิศใต้อยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำถ้ำเสาหิน เป็นถ้ำที่อยู่บนเนินสูง ทางเดินขึ้นค่อนข้างชัน ลักษณะเอียงประมาณ 45 องศา มีระยะทางจากสันอ่างเก็บน้ำ ถึงบริเวณถ้ำยาว ประมาณ 50 เมตร เมื่อนักท่องเที่ยวขึ้นไปถึงที่นี่จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของอ่างเก็บน้ำฝูงปลา นก หมู่บ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงตลอดจนทุ่งนาอันกว้างใหญ่ไพศาลของตำบลโป่งงาม

- ถ้ำเสาหินพญานาค เป็นถ้ำที่อยู่ปลายสุดของแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ อยู่ในความรับผิดชอบของหมู่ที่ 3 บ้านถ้ำปลา การเดินทางไปถ้ำนี้สามารถไปได้ ทั้งทางน้ำและทางบก โดยการเดินลัดเลาะตามขอบอ่างเก็บน้ำทางทิศใต้ปากถ้ำวัดความกว้างได้ประมาณ 4.70 เมตร สูงประมาณ 2.40 เมตร ลักษณะของถ้ำเป็นโพรงสูงขึ้นในแนวดิ่งหินงอก มีลักษณะเป็นแท่ง ๆ ซ้อนกันคล้ายเสาบ้านชาวบ้านจึงเรียกถ้ำนี้ว่า ถ้ำเสาหิน ซึ่งมีลักษณะเป็น 3 ชั้นคือ ชั้นที่ 1ลึกจากปากถ้ำเข้าไปประมาณ 20 เมตรมีลักษณะเป็นแท่งนี้มีทางเดินทะลุเป็นช่อง (ปล่อง)เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.50 เมตร แสงอาทิตย์ สามารถทะลุผ่านได้ทำให้มองเห็นทิวทัศน์ภายในถ้ำแห่งนี้ให้สวยงามตระการตายิ่งนัก ชั้นที่ 2 มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชันต้องปีนป่ายขึ้นบันไดระยะทางประมาณ 10 เมตร เป็นแท่งหินสวยงามและเด่นชัดกว่าชั้นที่ 1 ด้านทิศตะวันออกมีทางเดินสามารถทะลุผ่านเป็นทางออกของถ้ำทางหนึ่งซึ่งมีความกว้างประมาณ 4 เมตร ชั้นที่ 3 สามารถปีนป่ายไปตามแง่หินขึ้นไปประมาณ 15 เมตร เป็นแท่งหินสูงต่อ จากนั้นจะเป็นเหวลึกประมาณ 40 เมตร และทางขึ้นลงชันประมาณ 80 องศา การเดินทางช่วงนี้ควรใช้อุปกรณ์ช่วยจึงจะปลอดภัยถ้ำแห่งนี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบผจญภัยและท้าทายให้ไปพิสูจน์ยิ่งนัก

- ถ้ำกู่แก้ว เป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่และลึกที่สุดของบริเวณนี้ ทางขึ้นถ้ำเป็นบันได 29 ชั้น วัดความกว้างของปากถ้ำได้ประมาณ 4.60 เมตร ความสูงประมาณ2.16 เมตร ลึกประมาณ 509 เมตร ภายในถ้ำเป็นทางเดินที่คดเคี้ยวบางแห่งเป็นโพรงขนาดใหญ่บางแห่งเป็นทางเดินแคบๆต้องคลานไประหว่างทางเดินจะพบหินงอก หินย้อยที่สวยงาม ละลานตามีน้ำหยดตลอดทางเดิน ภายในถ้ำจึงชื้นและลื่นประมาณกึ่งกลางถ้ำจะพบหลุมโพรงหินลึก 2 หลุมซึ่งนักท่องเที่ยวควรระมัดระวังขณะเที่ยวชมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้จะพบหินงอกที่ก่อตัวขึ้นใหม่ของชาวบ้านที่เรียกว่า "นมสาว" และมีบ่อน้ำเล็กๆ ภายในถ้ำเป็นระยะๆบริเวณจุดลึกที่สุด จะพบห้องพระร้อยองค์ซึ่ง พระครูบาชุ่ม ได้ปั้นไว้เมื่อครั้งที่ท่านเคยปฎิบัติกรรมฐานอยู่เรียงรายอยู่อย่างสวยงามเป็นที่ ประทับใจยิ่ง

- ถ้ำตุ๊ปู่ อยู่ถัดจากถ้ำกู่แก้วทางด้านทิศเหนือประมาณ 500 เมตรซึ่งอยู่ในบริเวณโรงเรียนวัดถ้ำปลาวิทยาคม ซึ่งมีอยู่ 2 จุด คือ จุดที่ 1เป็นถ้ำขนาดกว้างประมาณ 4.5 เมตร สูงประมาณ 2 เมตร ลึกประมาณ 4.80 เมตร ถ้ำแห่งนี้เคยได้รับการบูรณะให้เป็นอาศรมของพระที่ธุดงค์และจำพรรษามาก่อน จุดที่ 2 เป็นถ้ำที่ทะลุผ่านภูเขาทางทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตก หน้าถ้ำทางทิศตะวันออกประดิษฐานมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ ขนาดถ้ำกว้าง ประมาณ 4.40 เมตร สูงประมาณ 2.60 เมตร ภายในถ้ำเป็นทางเดินเล็กและแคบบางแห่งสูงชัน ประกอบด้วยหินงอกหินย้อยระยิบ ระยับ สวยงามตลอด ทางเดินเมื่อทะลุถ้ำทางทิศตะวันตกจะพบทางเดินสู่ สวนสุขภาพและ สวยงามซึ่งคนในชุมชนใช้เดินทางออกกำลังกายในตอนเช้าและตอนเย็นทุกวัน

- ถ้ำปุ่ม ถ้ำนี้อยู่ในเขตบ้านดง หมู่ที่ 2 ตำบลโป่งงาม อ.แม่สาย จ.เชียงราย  เป็นถ้ำที่มีประเพณีประจำปีในการทำบุญในวันแรม9 ค่ำเดือน 6 ของทุกปี ชาวบ้านเรียกประเพณี ถ้ำปุ่ม - ถ้ำปลา 
          ถ้ำปุ่ม มีลักษณะเป็นถ้ำที่อยู่บนหน้าผาสูงจากพื้นดิน ประมาณ 30 เมตร ทางขึ้นเป็นบันได 73 ขั้น ลึกประมาณ 132 เมตร ถ้ำนี้มีลักษณะเด่น คือ บริเวณเหนือทางเดินก่อนเข้าถ้ำ จะปรากฎรูปปั้นสิงห์ อายุประมาณ 200 ปี ตั้งเด่นตรงหน้าหันหน้าไปทางทิศเหนือสูงขึ้นไป ประมาณ 16 เมตร นอกจากนี้ภายในถ้ำยังมีหินงอกเป็นปุ่ม (ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์) เด่นชัดชาวบ้านจึงเรียกถ้ำนี้ว่า ถ้ำปุ่ม ภายใน มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ให้นักท่องเที่ยวมาสักการะบูชาด้วยภายในถ้ำ เมื่อเดินเข้าไประยะประมาณ 60 เมตรจะมีทางเดินด้านขวามือจะพบหน้าผาสูงประมาณ 3.80 เมตรกว้างประมาณ 1.50 เมตร มีลักษณะเป็นหินย้อยติดหน้าผาติดต่อกันคล้ายน้ำตกสวยงามมาก เมื่อเดินเข้าไประยะทางประมาณ 88 เมตรจะมีทางเดินแยกทางขวามือสามารถทะลุออกทางเดินเดิมอีกด้านหนึ่งได้ในลักษณะครึ่งวงกลม ระหว่างทางนี้จะมีบ่อน้ำซึ่งชาวบ้านเรียกว่า "บ่อน้ำทิพย์" มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 เมตร ต่อจากนั้นที่ระยะทางประมาณ 110 เมตร จะพบแนวหินย้อยเป็นริ้วติดต่อกับเกาะติดผนังถ้ำเป็นทางยาวติดต่อกันเป็นสีขาวคล้ายน้ำตกสวยงามมากและบริเวณปลายสุดของถ้ำมีพระพุทธรูปปางสมาธิหน้าตัดกว้าง 32 นิ้ว สูง 46 นิ้ว ตั้งเด่นเป็นสง่าให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะบูชา

 
ลิงที่อาศัยอยู่บริเวณป่าหลังวัด จะออกมาหากินบริเวณในวัด ดังนั้นใครจะไปเที่ยว อย่าหิ้วของ อย่าปล่อยเด็กเดินตามลำพัง 
ถ้ำปุ่ม-ถ้ำปลา, หินงอกหินย้อย, ปลา, ลิง, โป่งงาม, แม่สาย, จระเข้, พระธาตุ, ถ้ำ, น้ำตกห้วยเนี้ย, พระบรมสารีริกธาตุ, ถ้ำเปลวปล่องฟ้า, ถ้ำฆ้อง, ถ้ำก้อง, ถ้ำน้อย, ถ้ำวอก, ถ้ำกู่แก้ว, ถ้ำตุ๊ปู่, ถ้ำปุ่ม, ถ้ำปลา, ถ้ำเสาหินพญานาค 
 
 
 
 
 
 
 
 
คำค้น :ถ้ำปุ่ม-ถ้ำปลา, หินงอกหินย้อย, ปลา, ลิง, โป่งงาม, แม่สาย, จระเข้, พระธาตุ, ถ้ำ, น้ำตกห้วยเนี้ย, พระบรมสารีริกธาตุ, ถ้ำเปลวปล่องฟ้า, ถ้ำฆ้อง, ถ้ำก้อง, ถ้ำน้อย, ถ้ำวอก, ถ้ำกู่แก้ว, ถ้ำตุ๊ปู่, ถ้ำปุ่ม, ถ้ำปลา, ถ้ำเสาหินพญานาค
ข้อมูลติดต่อ :องค์การบริหารส่วนตำบลโป่งงาม ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จ.เชียงราย โทร / แฟ็กซ์ 053-709582ต่อ 11(อบต.โป่งงาม) โฮมเพจ / เว็บไซต์ : http://www.pong-ngam.go.th/
การเดินทาง : รถยนต์ส่วนตัว จากออำเภอแม่จันมุ่งหน้าไปทาง อ.แม่สาย ตามทางหลวงหมายเลข 10 มีทางแยกซ้ายมือที่หลักกม. 877-878 ปากทางเข้าเป็นตลาดบ้านถ้ำ มีป้ายบอกทางไปวัดถ้ำปลาได้อย่างชัดเจน ระยะทาง 1.5 กม. ผ่านบ้านโป่งงาม วัดถ้ำปลาอยู่สุดถนน ถ้ำปลาอยู่ทางด้านซ้ายมือ ห่างจากลานจอดรถประมาณ 100 ม. ส่วนถ้ำเปลวปล่องฟ้า อยู่ถัดจากถ้ำปลาประมาณ 50 เมตร มองเห็นได้ชัดเจน ส่วนถ้ำอื่นๆก็อยู่บริเวณเดียวกันกับวัดถ้ำปลา

ภาพ และข้อมูล จาก www.chiangraifocus.com