23 พฤษภาคม 2015 เวลา 13:44:33 น.

หยุดความห่อเหี่ยวหลังเที่ยวพักร้อน

 วันหยุดพักร้อนต่างก็เป็นวันที่ใครๆ พากันฝันถึง เพราะจะได้ออกไปเที่ยวที่ๆ อยากไปกับครอบครัวหรือคนที่คุณรัก ช่างเป็นช่วงเวลาที่มหัศจรรย์ จนทำให้ลืมความน่าเบื่อจำเจของชีวิตประจำวันไปได้เลย ด้วยเหตุนี้เองเมื่อวันพักร้อนที่แสนสุขได้สิ้นสุดลง หลายคนจึงมีอาการห่อเหี่ยวตามไปด้วย บางคนเป็นเอาหนักถึงขนาดที่มีอาการคล้ายคนซึมเศร้าเลยทีเดียว ก็ช่วงเวลาที่แสนสุขกำลังจะกลายเป็นความทรงจำจางๆ และเหลือไว้ให้ระลึกถึงเพียงรูปถ่ายในอัลบั้มเท่านั้น แล้วเราจะต้องกลับไปฟาดฟันกับงาน และความวุ่นวายในชีวิตประจำวันอีกครั้ง 

 
แล้วจะทำอย่างไรดี เพื่อที่จะดึงเอาความสุขจากช่วงวันหยุดให้อยู่กับเราได้นานๆ ให้วันธรรมดามีความสดใสได้ไม่ต่างจากช่วงพักร้อน วันนี้เราเลยมีวิธีปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการเหงาหงอยห่อเหี่ยว หลังการพักร้อนมาฝากกันค่ะ
 
1. ใส่ใจความกับความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน
 
ความงดงามขอวันพักร้อน ก็คือความทรงจำดีๆ ที่เรามีต่อผู้คนรอบตัวที่ได้ใช้เวลาในช่วงนั้นร่วมกัน เกิดความรู้สึกผูกพัน, มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน และรักกันมากขึ้นกว่าเดิม วิธีที่จะรักษาความรู้สึกเหล่านี้ให้คงอยู่เอาไว้ได้นานๆ คือทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันให้กลายเป็นช่วงเวลาที่พิเศษ อาจเป็นเพียงคำขอบคุณคนรัก ที่เขาช่วยคุณล้างจานหลังทานมื้อเย็นด้วยกัน, หอมแก้มเขาสักฟอดที่เขาไม่ลืมรดน้ำต้นไม้ที่ระเบียง, หรือชวนกลุ่มเพื่อนไปนั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ หาขนมอร่อยๆ ทานหลังเลิกงาน เรื่องเล็กๆ ที่เรามักมองข้ามไปเหล่านี้ ความจริงก็เป็นแหล่งพลังงานความสุขชั้นยอดในแต่ละวันได้เช่นกันนะคะ ใช่ว่าความสุขจะต้องมาจากการได้หยุดเที่ยวพักร้อนเสียอย่างเดียว
 
2. ดึงสิ่งที่มีความสุขจากวันพักร้อน มาทำในวันธรรมดา
 
นึกถึงสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุขเมื่อวันหยุดพักร้อนที่ผ่านมา แล้วโน้ตใส่กระดาษไว้ ทำสิ่งเหล่านั้นอีกครั้งเมื่อคุณกลับมาถึงบ้าน เป็นต้นว่า คุณชื่นชอบบรรยากาศโรแมนติก ที่ได้จิบไวน์กับคนรักเมื่อครั้งหนีไปสวีทหวานกันที่รีสอร์ทริมทะเล กลับบ้านมาก็ลองหาไวน์ดีๆ มาจิบเบาๆ ดึงบรรยากาศความสุขแบบในวันนั้นกลับมาอีกครั้งดูสิคะ
 
3. หยุดและพักทำที่บ้านก็ได้  
 
พูดถึงวันหยุดพักร้อน ก็คือเวลาที่เรา "หยุดและพัก" สิ่งต่างๆ เอาไว้ก่อน หยุดพักทั้งกายที่ไม่ต้องทำงาน รวมทั้งหยุดความคิดคำนึงต่างๆ ที่วุ่นวายด้วย ถ้าเราเข้าใจความหมายจริงๆ ของการหยุดพักแล้วล่ะก็ ถึงไม่ต้องพาตัวเองไปไกลๆ เราก็สามารถหยุดและพักได้เช่นกันค่ะ ถ้าเช่นนั้นลองจัดมุมพิเศษไว้สักแห่งภายในบริเวณบ้านของคุณ สำหรับไว้หลบหลีกจากความวุ่นวาย เป็นที่ที่คุณสัญญากับตัวเองว่า เมื่อก้าวเข้ามาแล้วต้องรีแลกซ์พักผ่อนให้เต็มที่ อ้อ แล้วอย่าลืมจัดมุมนี้ให้โปร่งโล่งน่านั่งด้วยนะคะ
 
4. เติมประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ชีวิต
 
เวลาที่เราได้ไปหยุดพักผ่อนที่ไหนไกลๆ เรารู้สึกมีความสุขและตื่นตาตื่นใจไปกับความแปลกใหม่ ที่ยังไม่เคยพบเจอมาก่อน น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่มักปล่อยความรู้สึกเหล่านั้น ให้หายไปเมื่อกลับเข้าสู่วงจรชีวิตแบบเดิมๆ หากการพักร้อนคือความสุขจากการได้เติมประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับชีวิตแล้วล่ะก็ คุณก็สามารถดึงความรู้สึกนี้ ให้เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของคุณได้ค่ะ ลองลงคอร์สหรือเรียนอะไรสักอย่างที่คุณชอบ อาจเป็นเรียนทำอาหาร, เรียนโยคะ หรืออะไรก็ตาม ช่วงเวลาที่คุณได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เหล่านี้จะทำให้คุณลืมความตึงเครียดจากงานประจำวัน ไปได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
 
5. สร้างประสบการณ์พักร้อนเล็กๆ ด้วยตัวเอง
 
เมื่อคุณไปเที่ยวที่ไหนแล้วถูกใจคุณคงมีภาพประทับใจต่างๆ อยู่เต็มไปหมดใช่ไหมคะ แม้เวลาจะผ่านล่วงเลยมา แต่คุณก็ยังสามารถระลึกถึงช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นได้ อาจมาจากการได้ใช้ข้าวของที่เป็นของที่ระลึกจากที่แห่งนั้น, ได้ทานอาหารที่มีที่มาจากที่นั่น, อ่านหนังสือหรือดูหนังที่มีโลเกชั่นเดียวกับที่ที่เราไป เท่านี้ก็เท่ากับคุณได้ย้อนเวลาไปเก็บเกี่ยวความสุขอีกครั้ง แล้วล่ะค่ะ
 
6. วางแผนโปรแกรมพักร้อนครั้งต่อไป
 
จะมีอะไรน่าตั้งตารอมากไปกว่าการได้ไปพักร้อนครั้งใหม่ วางแผนโปรแกรมพักร้อนในฝันของคุณ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมแบบไปเช้าเย็นกลับ, ค้างคืนเดียว หรือยาวเป็นอาทิตย์ก็ตาม การรอคอยโดยมีความสุขอยู่ที่ปลายทาง จะทำให้คุณมองความจำเจน่าเบื่อของวันธรรมดาเป็นเรื่องเล็กไปเลยค่ะ
 
ความจริงแล้วเราก็มีความสุขได้ทุกๆ วัน แม้มันอาจจะไม่พิเศษเหมือนกับวันพักร้อนจริงๆ ที่เราได้หลบหลีกปลีกตัวออกไปจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ แต่การดึงความสุขจากการพักผ่อนครั้งที่เราสุดประทับใจกลับมา หรือการเติมความสุขด้วยการสร้างประสบการณ์แปลกใหม่เล็กๆ ให้กับชีวิต ก็ทำให้เรามีความสุข สนุก และผ่อนคลายได้ไม่แพ้กันเลยค่ะ รู้วิธีมีความสุขกับทุกๆ วันแบบนี้แล้ว คราวนี้ก็ไม่ต้องกลัวกับอาการหงอยเหงา ด้วยความเสียดายปนเซ็งหลังวันพักร้อนแล้วนะคะ
 
 
ขอบคุณข้อมูลจาก กระปุกดอทคอม

 

ภาพ และข้อมูล จาก www.chiangraifocus.com