กระดานข่าวเชียงรายโฟกัส ดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย

 
Untitled Document
 
ห้องนี้เตรียมไว้สำหรับ เรื่องทั่วไป ประกาศงาน หางาน แนะนำธุรกิจบริการ แนะนำเว็บไซต์ หรือไม่รู้ว่ากระทู้ตนเองควรจะอยู่ห้องไหน (หากโพสผิดที่ ผู้ดูแลเว็บ จะย้ายให้ตามความเหมาะสม)
++ ข้อความที่ีท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง ++

สมาชิกเข้าสู่ระบบ Username : Password : ลืมรหัสผ่าน
 ตั้งคำถามใหม่ | ตอบคำถาม | ผู้เข้าชม 1084 ครั้ง  ตอบกระทู้ 6 คำตอบ

ออมสิน
วันที่
20 เมษายน 2009
เวลา
01:45:53
IP
222.123.215.126
   

ชาวบ้านสุดทนล้อมจับ พระ-สาวในกุฏิ สมภารวัดสวนดอก เชียงใหม่
ล้อมกุฏิรักษาการเจ้าอาวาสวัดดังเชียงใหม่ ชาวบ้านฮือจับตัวหญิงสาว เผยเข้าไปอยู่ในกุฏิ รักษาการเจ้าอาวาสวัดสวนดอกทุกคืน สุด ท้ายจับตัวได้ให้การอ้างนำเอกสารเข้าไปให้เซ็น ขณะที่พระครูช่วงบุกจับไม่ได้อยู่ในกุฏิ ก่อนที่จะดอดไปแจ้งความตำรวจ ระบุให้จับ 3 ผู้นำชุมชนที่นำกำลังล้อมกุฏิ ข้อหาหมิ่นประมาท

เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 18 เม.ย. ณ บริเวณวิหารหลวงวัดสวนดอก ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระ ครูโฆษิตปริยัตยาภรณ์ เจ้าคณะตำบลสุเทพ ร่วมกับชาวบ้านจำนวน 500 คน มาประชุมกันในวิหารดังกล่าว เพื่อหาข้อยุติกรณีรักษาการเจ้าอาวาส ถูกร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมแอบนำผู้หญิงมานอนในกุฏิในช่วงกลางคืนทุกวัน และดึกๆ หญิงสาวดังกล่าวก็จะเดินทางกลับ จนชาวบ้านทนไม่ไหวและไปดักล้อมที่กุฏิจนสามารถจับกุมหญิงดังกล่าวได้ และส่งตัวให้ตำรวจสอบปากคำ

จากนั้นชาวบ้านมานั่งรอฟังผลการสอบปากคำหญิงดังกล่าวคือ น.ส.ทิพย์ อายุ 29 ปี เข้าไปกบดานและหลับนอนอยู่ในกุฏิรักษาการเจ้าอาวาสวัด คือ พระครูพิพิธสุตาทร รักษาการเจ้าอาวาส และยังเป็นถึงรองอธิการ บดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) วิทยาเขตเชียงใหม่

ทางตำรวจจึงควบคุมตัวน.ส.ทิพย์ ไปสอบปากคำที่ตู้ยามตำรวจ ชุมชนวัดสวนดอกตั้งอยู่บริเวณข้างวัด และจัดกำลังกันชาวบ้านเพื่อไม่ให้ทำร้ายหญิงดังกล่าวด้วย สำหรับการล้อมจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากนายสุรพล วิริยะพันธุ์ ประธานชุมชนวัดสวนดอก ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และชาวบ้านรับการร้องเรียนจากผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านหลายคนว่า รักษาการเจ้าอาวาสวัดสวนดอก คือ พระครูพิพิธสุตาทร มีพฤติกรรมไม่หมาะสมในเรื่องชู้สาว และยังทำการเปิดมูลนิธิของตนเองชื่อมูลนิธิเอดส์โลก และยังตั้งสถาบันโพธิญาลัย ขึ้นภายในวัดแห่งนี้ โดยมอบหมายให้ น.ส.ทิพย์ มาเป็นเลขาฯของมูลนิธิเอดส์ และรับเงินบริจาคมาจำนวนมาก



รับไม่ได้- ชาวบ้านกว่า 500 คนที่ฮือล้อมกุฏิพระครูพิพิธสุตาทร
รักษาการเจ้าอาวาสวัดสวนดอก แล้วพบผู้หญิงอยู่ในนั้น
หารือพระครูโฆษิตปริยัตยาภรณ์ เจ้าคณะตำบลสุเทพ
อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อให้ดำเนินการ


จากนั้นพบว่ามีการซื้อรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า โฟร์วีลส์ 4 ประตู ทะเบียน กษ-8743 เชียงใหม่ ให้กับน.ส.ทิพย์ ไว้ใช้

โดยฝ่ายหญิงจะบอกว่ารถยนต์ดังกล่าวซื้อในนามมูล นิธิเอดส์โลก ต่อมาทางชาวบ้านตรวจสอบทะเบียนรถยนนต์ดังกล่าวจึงทราบว่ารถยนต์ดังกล่าวมีชื่อ น.ส.ทิพย์ เป็นผู้ครอบครอง ไม่ใช่มูลนิธิเอดส์โลก หรือสถาบันโพธิญาลัย แต่อย่างใด โดยน.ส.ทิพย์ จะใช้รถยนต์คันดังกล่าวมายังวัดเกือบทุกวัน ในช่วงเย็นประ มาณ 17.30 น. และจะออกไปซื้อกับข้าวในช่วงเวลา 18.30 น. ก่อนเข้าไปอยู่ในกุฏิของรักษาการเจ้าอาวาสจนประมาณ 22.00 น. จึงออกจากกุฏิกลับไปบ้าน

คำร้องเรียนยังระบุว่า ทุกคืนรักษาการเจ้าอาวาส จะอยู่ในชุดครึ่งท่อนพระสงฆ์ ออกมาส่งตลอด ทำอย่างนี้เรื่อยมาแบบสม่ำเสมอ จนชาวบ้านที่พบเห็นเอือมระอา ตั้งแต่ปี 2547 และมีการร้องเรียนกันมาเป็นระยะ แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำหรือตรวจสอบหาหลักฐานได้

เมื่อถูกร้องเรียนหลายต่อหลายครั้ง นายสุรพล วิริยะพันธุ์ ประธานชุมชน จึงส่งคนไปเฝ้าติดตามดูพฤติกรรมของรักษาการเจ้าอาวาสกับหญิงดังกล่าวและตรวจเช็กข้อมูลอย่างละเอียดเป็นระยะเวลา 1 เดือน และเมื่อเวลา 20.00 น. คืนวันที่ 17 เม.ย. ประธานชุมชนจึงแจ้งให้กับชาวบ้าน ตำรวจ และสื่อมวลชน มาตรวจสอบที่กุฏิ ก็พบว่ามีผู้หญิงอยู่ในกุฏิรักษาการเจ้าอาวาส ปิดไฟและเปิดแอร์ ส่วนพระครูพิพิธ เจ้าของกุฏิรักษาการเจ้าอาวาส ขณะถูกล้อมเป็นจังหวะที่เดินทางไปยัง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เพื่อดูบ้านใหม่ที่สร้างไว้ จากนั้นเดินทางกลับมาที่วัด พบว่ามีชาวบ้านมาล้อมกุฏิไว้และสามารถควบคุมตัว น.ส.ทิพย์ไว้ได้ พระครูพิพิธ รู้ว่าความแตกจึงตัดสินใจให้ลูกศิษย์พาหนีออกจากวัดทันที

สำหรับน.ส.ทิพย์ หลังจากที่ถูกชาวบ้านล้อมไว้จึงยอมออกมาจากกุฏิ พร้อมทั้งปิดหน้าปิดตาพร้อมบอกกับชาวบ้านและประธานชุม ชนว่า "เอาหนังสือมาให้ป๋าเซ็น"

ทำเอาชาวบ้านหลายคนถึงกับตกตะลึง ก่อนที่จะกล่าวแก้ตัวว่า "เอาหนังสือมาให้พระครูเซ็น" จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวน.ส.ทิพย์ ไปสอบปากคำ ส่วนชาวบ้านก็แจ้งกับทางเจ้าคณะ ตำบล เจ้าคณะอำเภอ และสำนักงานพระ พุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ให้รับทราบ และพร้อมใจกันมารอผลการสอบปากคำ รวมทั้งการสรุปของชาวบ้านที่ในวิหารหลวงดังกล่าว จากการสอบปากคำ น.ส.ทิพย์ให้การว่า มาหาพระครูพิพิธ ในช่วงกลางคืนเพราะต้องนำเอกสารมาให้พระครูพิพิธเซ็นที่กุฏิ โดยมาสัปดาห์ละ 3 วัน และนำน้ำดื่มมาให้พระครูฉันด้วย โดยพระครูพิพิธ ตั้งให้ตนเป็นเลขาฯมูลนิธิโรคเอดส์ และยืนยันว่าตนกับพระครูไม่ได้มีอะไรกัน หลังสอบปาก คำและบันทึกปากคำทางตำรวจอนุญาตให้ น.ส.ทิพย์ กลับบ้านได้ เนื่องจากทางตำรวจไม่สามารถเอาผิดในเรื่องของกฎหมาย แต่ในเรื่องของสงฆ์ เป็นหน้าที่ของทางคณะ สงฆ์ และชาวบ้านจะตัดสินใจกันอย่างไร

พระครูโฆษิตปริยัตยาภรณ์ เจ้าคณะตำบลสุเทพ เปิดเผยว่า การจะเอาผิดกับพระสงฆ์ที่ทำผิดอธิกรณ์ ต้องมีหลักฐานชัดเจนก่อน

ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถเอาผิดกับพระสงฆ์รูปนั้นได้ การที่หญิงดังกล่าวไปนอนในกุฏิยามวิกาลถือว่าไม่เหมาะสม แต่ทุกคนก็ไม่เห็นว่าทั้งคู่มีอะไรกัน ฉะนั้น กฎของสงฆ์มีระบุไว้ต้องมีหลักฐานชัดเจน ส่วนความไม่เหมาะสมนั้นไม่เหมาะสมแน่ ก็ต้องแล้วแต่มติของศรัทธาชาวบ้านว่าจะเอาหรือไม่อย่างไร หากศรัทธาชาวบ้านไม่ต้องการพระสงฆ์รูปนี้ก็อยู่ลำบาก ขึ้นอยู่กับทางพระสงฆ์รูปนั้นว่าจะทำอย่างไร แต่ตอนนี้ท่านก็ไม่อยู่ ก็คงต้องรอการชี้แจง ทางด้านประธานชุมชนและชาวบ้านสรุปว่า จะให้พระครูพิพิธ มาชี้แจงต่อชาวบ้านที่วิหารแห่งนี้ภายใน 3 วัน หากไม่มาชี้แจงหรือไม่ปรากฏตัวก็ขอให้พระครูพิพิธ ขนข้าวขนของไปอยู่ที่วัดอื่น เพราะชาวบ้านหมด ศรัทธาแล้วกับพฤติกรรมแบบนี้ ชาวบ้านในละแวกนี้รู้กันมานานแล้ว ไม่ต้องการให้พระรูปนี้มารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ต่อไป เพราะอีก 6 เดือนก็จะมีการแต่งตั้งเจ้า อาวาส และพระครูพิพิธ ก็เป็นพระที่ถูกเสนอชื่อให้รับการเป็นเจ้าอาวาสรูปต่อไป

ต่อมาเวลา 09.45 น. พระครูพิพิธสุตาทร รักษาการเจ้าอาวาสวัดสวนดอก เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ต.วินัย รวิเดช ร้อยเวร สภ.ภูพิงค์ เชียงใหม่

ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยโฆษณาประกาศเสียงตามสาย กล่าวหาทำ ให้ได้รับความอับอายและทำให้เสียชื่อเสียง จึงแจ้งความเพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายสุรพล วิริยะพันธุ์ ประธานชุมชนวัดสวนดอก, นายนพดล อนันตทวัช รองประ ธานชุมชนวัดสวนดอก และร.ต.จันแก้ว กัน ทา ประธานผู้สูงอายุชุมชนวัดสวนดอก ในข้อหาหมิ่นประมาทเสียงตามสายชักชวนชาวบ้านออกมาขับไล่ โดยทางพระครูพิพิธ แจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีกับทั้ง 3 อย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม หลังชาวบ้านทราบเรื่องว่าผู้นำชุมชนถูกแจ้งความดำเนินคดี ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากเกิดความไม่พอใจและลุกฮือพากันเข้ามาที่วัดเพื่อกดดันแต่ไม่พบพระครูพิพิธแต่อย่างใด

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด


 


ความคิดเห็นที่ 1
เสี่ยวเอ้อ
20 เมษายน 2009
18:51:00
IP : 202.176.127.23
ตบะแตกซะแล้วทั่นพระครู..
พระหรือเณรที่บวชนานๆ ไม่ได้ปลดปล่อยกามารมณ์ออกตามธรรมชาติ มักมีปัญหาแบบนี้เสมอๆยิ่ง อายุเข้าวัยรุ่นหรือวัยฉกรรจ์ หรือแม้เลยวัยกลางคนก็ตาม จะมีปัญหามากสุด หากมีนิสัยชอบชายก็ตุ๋ยเด็ก หากชอบหญิงก็ยุ่งสีกา สมัยโบราณจะมีสมุนไพรอย่างหนึ่งผมจำชื่อไม่ได้ เขาจะให้ภิกษุสามเณร ต้มฉันทุกวัน เพื่อลดกำหนัด (ชนิดเดียวกับชาวรัสเซียต้มให้ทหารมองโกลดื่มเพราะมองโกลรบเก่งมากรบชนะที่ไหนก็เอาเมียที่นั่นรัสเซียจำต้องคุมกำเนิดมองโกลเพราะเอาชนะทางทหารไม่ได้) สมณเพศ สมัยก่อนจึงไม่มีเรื่องราวแบบนี้ให้เห็นบ่อย
อีกทั้งสื่อยั่วยุน้อยกว่าปัจจุบันด้วย เดี๋ยวนี้ ใครหนีปัญหาส่วนตัวอะไรก็เข้าวัดบวช แต่ปัญหามันก็ติดเจ้าของมันไปด้วย เลยออกแนวเละเทะซะมากกว่า แต่ศาสนาไม่ได้เสื่อมนะครับ บางท่านอาจเข้าใจว่า ศาสนาเสื่อม เปล่าเลยครับ ศาสนาคงอยู่กับที่และหมดจดงดงามเสมอๆ ผู้ใดไม่บริสุทธิ์พอ ก็เข้าไม่ถึงแก่น แค่นั้นเอง (ซึ้งไปป่าวเนี้ย)

ความคิดเห็นที่ 2
องอาจ
20 เมษายน 2009
23:23:41
IP : 117.47.123.39
ซึ้งจริงๆ ครับ..เหมือนที่คุณเสี่ยวเอ้อว่าไว้เลย

ความคิดเห็นที่ 3
ไค่หื้อพระอดกิเลสออกจากศาสนา หุๆ
21 เมษายน 2009
02:36:18
IP : 78.23.215.42
ภายใน 3 วัน หากไม่มาชี้แจงหรือไม่ปรากฏตัวก็ขอให้พระครูพิพิธ ขนข้าวขนของไปอยู่ที่วัดอื่น เพราะชาวบ้านหมด ศรัทธาแล้วกับพฤติกรรมแบบนี้

ยังจะมีก๋านหื้อย้ายไปประจําวัดอื่นแหม? เอ่อย้ยไปไหนก่อท่าจะยะแบบเก่านิ คนมันเกยแล้วมันลิ้มลองแล้ว...เจื่อเต๊อะเดียวก่อลักเอาแม่นายคนนี้ไปโตยชัวร์

หมู่พระเจ้าแบบอี้ถ้ากึดว่ายากนักลําไป ขอหื้อไปเข้าสายนิกายวัชรยานเต๊อะอั้น

ความคิดเห็นที่ 4
กลัวบาป
21 เมษายน 2009
15:00:54
IP : 114.128.209.164
วิจารณ์มานักๆๆก่อกลัวเป็นบาปเป็นกรรมแหมเหมาะ หื้ย ๆๆๆๆ

ความคิดเห็นที่ 5
ออมสิน
22 เมษายน 2009
01:13:28
IP : 222.123.28.141
ตั้งกก.สอบพระครูฉาว



ชาวบ้าน ศรัทธาวัดสวนดอกฯ ขึ้นป้ายประท้วงขับไล่ รักษาการเจ้าอาวาสฉาวพ้นจากวัด หลังให้โอกาสชี้แจง ถึง3 วัน กลับไม่มาชี้แจง ขณะที่พระครูฯ ทำตัวเป็นขอมดำดิน หลบหน้านักข่าวเหมือนเดิม ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ทุกกรณีจากกรณี ชาวบ้าน 500 คนฮือล้อมกุฏิพระครูพิพิธสุตาทร รักษาการเจ้าอาวาสวัดสวนดอก ต.สุเทพ อ. เมืองเชียงใหม่ แล้วพบผู้หญิงอยู่ในนั้น จนถูกชาวบ้านกล่าวหาว่าพระครูฯ มั่วสีกา ทางพระครูพิพิธ ไม่ยอมมาชี้แจง ส่วนทางหญิงสาวคือ นางสาวโบว์ นามสมมุติ ทางตำรวจ ได้นำตัวไปบันทึกปากคำก่อนปล่อยตัวไป และชาวบ้านได้ประกาศไม่เอาพระรูปนี้เพราะมีพฤติกรรมไม่ เหมาะสม และวัดแห่งนี้ ก็มีแต่คนมาหาผลประโยชน์จนวัดเลอะเทอะไปหมด เรียกร้องให้คณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่มาจัดระเบียบใหม่ ต่อมาทางรักษาการเจ้า อาวาสได้ไปแจ้งความกลับโดยแจ้งความ นายสุรพล วิริยะพันธุ์ ประธานชุมชน พร้อมกับพวกข้อหาหมิ่น ประมาท รวม 3 คน ซึ่งทางชาวบ้าน ก็รอให้พระรูปดังกล่าวมาชี้แจงแต่พระรูปดังกล่าวก็หนีกบดานไม่ยอมเข้าวัด ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

ข่าวความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 20 เม.ย.2552 นายสุรพล วิริยะพันธ์ ประธานชุมชน พร้อมคณะกรรมการชุมชน ประธานผู้สูงอายุ และชาวบ้านกว่า 100 คนได้ร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยที่ประชุมมีมติของประชาชนว่าไม่เอารักษาการเจ้าอาวาสวัดอีกต่อไปให้ออกจากวัดไปจำพรรษาที่อื่นโดยเร็วที่สุด หากพระรูปดังกล่าวยังคงจะอยู่วัดดังกล่าวอีก ก็มีแต่จะสร้างความเสื่อมเสียให้กับวัด หากพูดจากันดีๆ ไม่ได้ ทางคณะกรรมการก็มีมติที่จะประท้วงขับไล่พ้นวัดต่อไป ส่วนกรณีที่ทางคณะสงฆ์จะตั้งกรรมการตรวจสอบระเบียบวินัยสงฆ์ก็ให้ดำเนินการไป ตามระเบียบ ส่วนชาวบ้านมีมติเอกฉันท์ว่า พระรูปนี้จะต้องไม่อยู่วัดนี้ต่อไปสถานเดียว รวมทั้งพระรูปอื่นก็จะต้องโละทิ้งด้วยเนื่องจากแต่ละคนมีแต่รวมหัวหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง โดยไม่สนใจใยดีให้กับวัด ทั้งที่ หลังคาวัดเสื่อมโทรม กำแพงวัด ก็ไม่ดี ไม่มีการปรับปรุง ส่วนรายได้ที่จัดเก็บทางคณะกรรมไม่เคยรับรู้ว่าได้เท่าไหร่ อีกทั้งพระที่มาอยู่ส่วนใหญ่ก็มาจากที่อื่น พระในพื้นที่ไม่มีเลย จึงอยากจะเรียกร้องให้ จัดพระที่ดี ๆ มาจำพรรษาที่วัดนี้

ทางด้านพระครูโฆษิตปริยัตยาภรณ์ เจ้าคณะตำบลสุเทพเขต 1 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และเจ้าอาวาสวัดป่าแดง ต.สุเทพ เชียงใหม่ ซึ่งได้เข้าร่วมประชุมร่วมกับชาวบ้าน และชี้แจงให้ชาวบ้านทราบว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทางคณะสงฆ์ไม่ได้นิ่งนอนใจได้มีการายงานให้เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัดทราบตามลำดับแล้ว รวมไปถึงคณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ หมดแล้ว รอเพียงแต่ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงออกมาว่าจะเป็นเช่นไร แต่เท่าที่ทราบเบื้องต้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตัวรักษาการเจ้าอาวาส เองไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ อีกทั้งที่เกิดเหตุเป็นอาคารห้องประชุมเล็กชั้นล่าง ซึ่งแต่เดิมมีคนเข้าออกอยู่บ่อยๆไม่ว่าหญิงหรือชาย ซึ่งหากว่าตามวินัยก็ไม่น่าจะผิด เพราะหากจะผิดก็ต้องอยู่กันสองต่อสอง อีกทั้งผู้หญิงคนดังกล่าวก็ทำงานให้มูลนิธิ มีการเอาสารมาให้เซ็นอยู่บ่อยๆ อีกทั้งยังมีคนอื่นอีกที่เคยเข้าออกเพื่อนำเอกสารไปให้เซ็น วัดที่เกิดเรื่องเป็นวัดใหญ่ปัญหาภายในวัดมีมาก อยากให้ประชาชนอย่าเอาเรื่องอื่นมาปนกัน แต่ตอนนี้มติของชุมชนออกมาแล้วว่าไม่เอาพระรักษาการเจ้าอาวาสให้อยู่ในวัดก็ให้ชุมชนทำหนังสื่อมาเสนอว่าเพราะเหตุใด แล้วจะได้นำเสนอพิจารณาต่อไปเป็นขั้นตอน อย่างไรก็ตาม อาตมานั้นไม่อยากจะให้มีการประท้วงหรือ สร้างความวุ่นวาย รวมทั้งใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลเพราะเราก็เป็นศาสนาพุทธกันทั้งนั้น เนื่องจากความรุนแรงไม่ได้ช่วยอะไรได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน อาคารโครงการศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาประเทศเพื่อนบ้าน ภายในวัดสวนดอก ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ ได้มีคณะครูและเจ้าหน้าที่ของ มหาวิทยาลัยสงฆ์ วัดสวนดอก หรือ มจร. ได้ทำพิธีรดน้ำดำหัวคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยสงฆ์ขึ้น ซึ่งทำกันเป็นประจำทุกปี ซึ่งปีนี้ก็เช่นเดียวกันได้จัดพิธีขึ้น ซึ่งปรากฎว่า ได้มีพระครูพิพิธสุตาทร รักษาการณ์เจ้าอาวาสวัดสวนดอก ที่กำลังมีเรื่อง กับชาวบ้านกรณีเอาผู้หญิงอยู่ในกุฏิและที่ทำงาน ได้เดินทางมาร่วมพิธีดังกล่าวด้วย พร้อมกับคณะสงฆ์รูปอื่น เป็นที่ฮือฮาต่อผู้สื่อข่าว ที่ต้องการจะเข้าไปสัมภาษณ์เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้ขอร้องให้ผู้สื่อข่าว ห้ามถ่ายภาพ และพยายามกันออกนอกอาคาร ก่อนที่ทางพระครูจะฉวยโอกาสตอน ผู้สื่อข่าวถูกให้ออกนอกอาคารและหลบหนีหน้านักข่าว เหมือนเช่นเคย ขณะที่ชาวบ้านที่ประชุมอยู่ ก็เรียกร้องให้ทางพระครูพิพิธสุตาทร ออกมาชี้แจง เพราะกำลังพ้นกำหนด 3 วันที่ให้ไว้แล้ว อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทาง นาย สุรพล วิริยะพันธ์ ประธานชุมชน ก็กล่าวว่า จะทำหนังสือยื่นเป็นขั้นเป็นตอน และจะขึ้นป้ายประท้วงขับไล่ออกพ้นวัด เพราะเข้ากับชาวบ้านไม่ได้แล้ว เกิดการแตกหักกันแล้ว โดยไม่ใช่ชาวบ้านไม่ให้โอกาสชี้แจง ให้เวลาแล้ว กลับไม่มาชี้แจงก็ต้องดำเนินการขั้นตอนต่อไป

ทางด้าน นายวัลลภ นามวงค์พรหม คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ได้เปิดเผยว่า เรื่องที่ชาวบ้าน ฮือล้อมกุฏิจับหญิงที่ ซ่อนตัวในวัดสวนดอกนั้น ตนก็เห็นข่าวแล้ว วัดสวนดอกแห่งนี้ถือว่าเป็นวัดอารามหลวง มีนักท่องเที่ยว และทางจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งภาครัฐและเอกชนก็มาจัดกิจกรรมเกี่ยวกับพุทธศาสนาที่วัดแห่งนี้หลายหน่วยงาน วัดแห่งนี้อยู่กลาง เมืองเชียงใหม่ ส่วน พฤติกรรมไม่เหมาะสมของรักษาการเจ้าอาวาส รวมทั้งการกอบโกยผลประโยชน์ภายในวัดแห่งนี้ของ พระสงฆ์ระดับผู้บริหาร ของวัดแห่งนี้ตนก็ทราบมานานแล้ว หลังจากเจ้าอาวาสวัดองค์เดิมได้มรณะภาพไปแล้ว วัดแห่งนี้ก็ เละเทะ ไม่มีระเบียบ มือใคร ยาวสาวได้สาวเอา ทางคณะสงฆ์ระดับผู้ใหญ่เคยมีการส่งพระระดับผู้ใหญ่มารักษาการแทนมาบริหาร จัดระเบียบวัดแห่งนี้ แล้ว แต่ก็ต้องถอนตัวไปเพราะจะถูกพระพวกแกนนำที่มีผลประโยชน์ที่วัดแห่งนี้กลั่นแกล้ง และไม่เชื่อฟังคำ สั่ง ทำให้พระดี ๆ ต้อง ถอนตัวไปหลายรูป พระพวกนี้จะทำกันเป็นขบวนการ

ตอนนี้ดีแล้วที่ชาวบ้านทนไม่ไหวออกมา ขับไล่ แบบนี้ เพราะทนเห็น พฤติกรรมแบบนี้ไม่ไหว การที่พระสงฆ์เอาผู้หญิงมาอยู่ในกุฏิก็ถือว่าไม่เหมาะสมอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นส่วน หนึ่งที่จะประกอบใน เรื่องของการหาผลประโยชน์ภายในวัดแห่งนี้ เป็นเรื่องดีที่วัดแห่งนี้จะได้จัดสรรระบบระเบียบใหม่ สำหรับที่ว่าพระครูพิพิธ เอาหญิงมาแอบซ่อนในกุฏินั้น ก็เป็นเรื่องของทางคณะสงฆ์จะตั้งกรรมการสอบ แต่กฏระเบียบของคณะ สงฆ์นั้นหากหลักฐานไม่แน่นพอก็ไม่มีผลต่อพระสงฆ์รูปนั้น ที่สำคัญเรื่องที่ชาวบ้านไม่ต้องการพระและ ขับไล่ อันนี้เป็นเรื่องใหญ่ เมื่อชาวบ้านคณะศรัทธาวัดไม่ต้องการพระสงฆ์ที่จำวัดนั้นๆ พระรูปนั้นก็จะอยู่ลำบาก เหมือนปัจจัยสี่ พระก็ต้องพึ่งชาวบ้าน ชาว บ้านก็ต้องพึ่งพร เมื่อชาวบ้านไม่ต้องการพระ พระเองก็ลำบากอยู่ลำบาก และหากพระไม่ต้องการชาว บ้านชาวบ้านเองก็ลำบาก ก็ เหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ทางคณะสงฆ์ระดับผู้ใหญ่ก็ต้องมาพิจารณาเรื่องนี้ให้ดี เรื่องวัดสวนดอกนั้น เป็นเรื่องสะสมมานาน

เชียงใหม่นิวส์

ความคิดเห็นที่ 6
ะพะๆเ
23 พฤษภาคม 2009
13:54:43
srgrh@htukll.net
IP : 58.147.45.50
เลวชาติ มิน่าหล่ะ เม้งทั้งวัดถ่อยมาก ไม่ว่าจะหมาจุฬาฯ อาจารย์เลวกะเอาเมียชาวบ้าน เพราะถ่อยกันนี้เอง

ขณะนี้เชียงรายโฟกัส ได้ย้ายไปใช้เว็บบอร์ดใหม่

ท่านสามารถเข้าไปใช้บริการได้ที่นี่ http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php

 


"...ข้อความที่ีท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าผู้เสียหายหรือผู้ถูกพาดพิงพบเห็นข้อความใดๆ ที่พาดพิงถึงท่านจนได้รับความเสียหาย หรือข้อความที่ี่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม กรุณาแจ้งมาที่ เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบทันที ขอขอบพระคุณ.."
 

เชียงรายโฟกัส ดอทคอม ชุมชนออนไลน์ของคนเชียงราย by :http://www.ChiangraiFocus.com
ทุกความคิดเห็นสามารถส่งมาได้ที่ ChiangraiFocus@hotmail.com | หน้าแรกเว็บไซต์เชียงรายโฟกัส | หางานเชียงราย | ลงโฆษณากับเชียงรายโฟกัส