 |
หล่อเชียงราย |
วันที่ |
15 พฤษภาคม 2009 |
เวลา |
21:50:15 |
|
้handsomechiangrai@gmail.com |
IP |
202.149.24.129 |
| |
|
|
|
ข้าวโพด ลำใย ลิ้นจี่ ราคาตก
|
|
ตายๆ ราคาลิ้นจี่ 4-5 บาท ต่อ กก. ไครรับผิดชอบ หรือชาวสวนผิดเองที่ปลูกพืชเหล่านี้ |
| |
|
| ความคิดเห็นที่
1 |
 |
เจียงฮาย |
 |
16 พฤษภาคม 2009
09:41:19 |
|
|
|
IP :
117.47.42.94 |
|
ชาวสวนไม่ได้ผิด หรอกครับ เพราะอาชีพของประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ
คือ อาชีพ เกษตกร ครับ แต่มันมีหลายปัจจัยที่ทำให้ สินค้าพืชผลทางการ
เกษตรตกต่ำ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน น่าเห็นใจ ครับ
ใช่ว่า ลิ้นจี่ปลูกแล้วไม่มีต้นทุนการผลิต ไหนจะปุ๋ย ไหน ค่าสูบน้ำ ค่าคนงาน
ต้นทุน 100 ขาย 80 โอ้พระเจ้า เข้าเนื้อตั้งแต่อยู่ในสวนแล้ว ผมเคยจำได้
มีช่วงหนึ่ง รัฐบาลไทย ได้ทำสัญญา FTA กับจีน มีชาวบ้านต่อต้าน
แต่ตอนนี้ ลิ้นจี่ราคาถูก เป็นเพราะอะไร ครับ ส่งออกไม่ได้ หรือว่า ตลาดไม่
มีการซื้อขายจริง.รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือไหม ครับ หากไม่มีการช่วยเหลือ
หรือทำอะไรสักอย่าง ผมว่าไม่นาน ลิ้นจี่ ลำใย จะกลายเป็นแค่ผลไม้พื้นบ้าน
ที่ไร้ค่า ไร้ราคา ครับ |
|
| ความคิดเห็นที่
2 |
| |
เสี่ยวเอ้อ |
| |
16 พฤษภาคม 2009
12:04:12 |
|
|
|
IP :
202.176.130.184 |
|
โลกทุนนิยมครับ ต้องเพิ่มมูลค่าพืชเกษตรเท่านั้น ถึงจะอยู่รอด
อาจแปรรูป หรือ ดัดแปลงพันธุกรรม ประเภทกินลูกเดียวอิ่ม 555
ไม่งั้นก็ซ้ำซากแบบนี้ไม่จบไม่สิ้น วันนี้ล้นตลาดเพราะปลูกกันเยอะ ราคาตก ขาดทุน ปีต่อไปไม่ปลูกเพราะกลัวขาดทุนอีก ผลผลิตน้อย ราคากลับดี ปีต่อไปเห็นว่ามันราคาดี แห่กันปลูกอีก ล้นตลาด ราคาตกอีก...กรรมของเกษตรกรไทย..
รัฐทำดีที่สุดคือ แทรกแซงราคา นอกนั้นคิดไม่ได้เพราะอยู่ไม่นาน แป้บเดียวเปลี่ยน รมต. อีกละ วนๆเวียนๆ มาเป็นสิบๆปีแล้วครับไม่ไปไหนสักที แต่ ซีพี รวยเอ๊า รวยเอา.... |
|
| ความคิดเห็นที่
3 |
| |
honey |
| |
16 พฤษภาคม 2009
21:15:44 |
|
honey@bee.com |
|
IP :
202.149.25.241 |
|
|
คุณเสี่ยวเอ้อ ใหนให้ ปชป มาสอนทำหน่อยซิคะ เก่งนักเก่งหนา |
|
| ความคิดเห็นที่
4 |
| |
ปอ นัด |
| |
17 พฤษภาคม 2009
11:06:41 |
|
|
|
IP :
118.172.78.99 |
|
|
อ่านแล้ว อย่าทะเลาะกันสิคะ จริงๆ น่าจะเสริมสิ่งดีๆ ความคิดดีพร้อมแนวทางแก้ไข ว่าจริงแล้ว เกษตรกรปัจจุบันนี้ บางส่วนมีแนวคิดใช้ปุ๋ยเคมี จึงต้นทุนสูง ลองปรับเปลี่ยนให้หันมาใช้ปุ๋ยชีวภาพดีมั๊ยคะ ต้นทุนอาจต่ำลง แต่การปรับแนวคิด อาจใช้เวลา ใครมีวิธีที่ดีบ้างลองแลกเปลี่ยนกันดีมั๊ย |
|
| ความคิดเห็นที่
5 |
| |
อากิระ |
| |
17 พฤษภาคม 2009
14:23:52 |
|
kritsana.mala@gmail.com |
|
IP :
117.47.146.2 |
|
ผมเห็นด้วยกับคุณเสี่ยวเอ้อครับ วงจรการเกษตรกรรมบ้านเราเป็นอย่างนี้มาไม่ใช่ 10 ปีครับ มากกว่านั้นเยอะเลย ตั้งแต่เกิดมาจำความได้มันก็เป็นวงจรอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ที่ภาคอิสานจะเป็นกับ มันสัมปะหลัง ข้าว อ้อย แล้วก็พืชสวนบางชนิด เช่นมะม่วง ครับ ปีไหนอะไรราคาดี ปีต่อไปก็จะเฮกันปลูก ผลิต แล้วก็เยอะจนราคาตก ก็ให้รัฐบาลประกันราคาบ้าง รับจำนำบ้าง แล้วรัฐบาลก็เอาไปขายขาดทุน หรือไม่ใช่รัฐบาลขาย หรือว่าเป็นกระทรวงพาณิชย์ขายหว่า อันนี้ไม่รู้ รู้แต่ว่าเงินที่เอาไปจ่ายค่าจำนำน่ะ เงินภาษีแน่ๆ แล้วนี่ล่าสุดทราบว่า รับจำนำข้าวโพดมา แปดบาทกว่า แล้วจะขายครึ่งราคา แล้วขายทำไม ผมไม่เข้าใจ ขายคืนให้ภาคเกษตร หรือภาคอุตสาหกรรม ไปแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ หรือส่งเสริมให้เอาไปทำอย่างอื่นในราคาทุนที่ซื้อมาได้ไหม หรือเอากำไรนิดนึงได้หรือเปล่า ทำไมต้องยอมขายขาดทุน แปรรูปเป็นอาหารสัตว์ แล้วขายภายในประเทศถูกๆ ก็ไม่เสี่ยหายอะไรนี่นา ใครรู้อธิบายให้ฟังทีว่าปัญหาแบบนี้จะแก้ยังไง
เรื่องผลผลิตผลไม้ ทางการเกษตร ถ้าหากชาวสวนรวมตัวกันตั้งเป็นองค์กร หรือสหกรณ์อะไรซักอย่าง แล้วให้ส่งหนังสือขอความร่วมมือกับทางจังหวัดต่างๆ ในการจัดมหกรรมผลไม้ หรือจัดที่ให้ขายระบายผลไม้ออก หักค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร ขาย ขนส่ง แล้วน่าจะระบายได้เร็วกว่าที่จะรอให้รัฐบาลมาคอยช่วย หากคิดกันแต่ว่าอยากขายส่งอย่างเดียว ไม่อยากขายเอง ไม่อยากยุ่งยากวุ่นวาย หรือกลัวว่าคนอื่นจะโกงเงินค่าขาย ก็ต้องเป็นทาสพ่อค้าคนกลางตลอดไป เพียงแค่รวมกลุ่มกันเอาสินค้าไปขายยังได้เงินทำไมถึงรวมกันยาก แต่ยามรวมกันประท้วงกลับรวมกันง่ายจัง มีเงินซื้อเหล้ากินระหว่างรวมตัวกันประท้วงด้วย
ไม่ได้ดูถูกว่าชาวสวนโง่ ไม่รู้จักคิด แต่อยากให้รวมกลุ่มกันเพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของตัวเองดีกว่าจะอาศัยแต่พ่อค้าคนกลางให้เขากดราคา นะครับ |
|
| ความคิดเห็นที่
6 |
| |
p |
| |
17 พฤษภาคม 2009
20:57:19 |
|
p@yahoo.com |
|
IP :
202.28.45.20 |
|
ไปศึกษานักธุรกิจ ใต้หวันดูนะ ว่าการตลาดเขาทำไงกัน เช่นมาส่งเสริมให้เราปลูกแก้วมังกร พุทรา องุ่น จนเขาสามารถมีที่เป็น 1000 ไร่ได้ บางทียังไปเจอผลไม้ผลิตภัณฑ์ของโรงงานเค้าที่ แอฟริกาเลย และดูไบก็เยอะ เป็นเมดอินไทยแลนด์ แต่โรงงานเป็นของคนใต้หวัน ้มื่อก่อนก็เคยลุยรับซื้อลิ้นจี่ให้ เจ้าของโรงงานนะ หาซื้อได้โล 6 บาท มาคว้านทำผลไม้กระป๋อง ทำแยม ก็พอได้นะ เค้าเก่งจริงๆ ยอมรับเลย ปลูกเอง แปรรูปเอง ขายเอง ถ้าขายไม่ดีสินค้ามีตำหนิส่งออกไม่ได้ ก็มีพ่อค้าแม่ค้ารถเร่มาซื้อถึงหน้าโรงงานเลย เช่นต้นทุนเค้า 10 บาท 12 บาท เค้าปล่อยแล้ว อาศัยว่าขายมาก ของไม่ค้าง แต่บางทีวัตถุดิบไม่พอ ก็มาส่งเสริมให้เราปลูก รับซื้อแบบประกันราคาด้วย ก็ถือ ว่ายุติธรรมดี เค้าก็ช่วยชุมชนเรามากเหมือนกัน น่าจะลองศึกษาเกษตรแบบใต้หวัน นะ |
|
| ความคิดเห็นที่
7 |
| |
เสี่ยวเอ้อ |
| |
18 พฤษภาคม 2009
12:13:08 |
|
|
|
IP :
202.176.130.215 |
|
งง กับคำถามคุณ ฮันนี่ ครับวานกลับมาแจกแจงอีกที จะขอบพระคุณมาก
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เห็นด้วยกับคุณ อากิระ และ คุณ พี คห.ที่5และ6 ครับ
หากรัฐ(ไม่เฉพาะมาร์กนะครับ) รับซื้อแพงเพียงเพื่อให้ชาวสวนพอใจราคา แล้วเอาไปขายขาดทุนให้โรงงานหรือประชาชนทั่วๆไป ก็เหมือนกับเอาภาษีมาละเลง แล้วมันภาษีใครล่ะ ก็ของชาวสวนน่ะแหละ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องตั้งองค์กรของชาวสวน ผมว่า รัฐต้องจับมือสอนกอไก่ ให้ชาวสวนก่อนครับ เพราะชาวสวนไม่ถนัดวิชาการหรือการบริหาร พื้นที่ไหนมีการเพาะปลูกพืชสวนพืชไร่ ขนาดเท่านั้นเท่านี้ บังคับให้จัดตั้งองค์กรขึ้นเพื่อสิทธิประโยชน์ของกลุ่มตัวเองด้วย อาจจะทำเป็นตำบลหรืออำเภอเลย ตัวอย่างเช่น องค์กรชาวสวนลิ้นจี่อำเภอแม่ใจ มีสมาชิกเท่านั้นเท่านี้ โรงงานแปรรูปต้องการซื้อเท่าไหร่ก็ไปตกลงกับองค์กรฯเอา และหากจะขายปลีกในนามองค์กรก็ให้จัดเทศกาลลิ้นจี่เป็นระยะตามเหมาะสม ชาวสวนจะใช้ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ก็ไปซื้อที่องค์กร หาก บริษัทปุ๋ยรายใดไปทำการซื้อขายให้เกษตรกรโดยตรงก็ให้แจ้งกระทรวงและลงโทษสมาชิกด้วย ผมเชื่อว่าไม่เกินวิสัยของเจ้ากระทรวงหรอกหากจะทำจริงๆ....เว้นแต่ บริษัทปุ๋ยจะล็อบบี้ รมต.
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
ใครเห็นยังไง ก็เข้ามาแลกเปลี่ยนความเห็นได้ครับ |
|
ขณะนี้เชียงรายโฟกัส ได้ย้ายไปใช้เว็บบอร์ดใหม่
ท่านสามารถเข้าไปใช้บริการได้ที่นี่ http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php
|
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบทันที
ขอขอบพระคุณ.."
