กระดานข่าวเชียงรายโฟกัส ดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย

 
Untitled Document
 
ห้องบอร์ด ร้องทุกข์ แจ้งเตือนภัยสังคม ของ/คนหาย ทุจริต โกง ฯลฯ..
++ ข้อความที่ีท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง ++

สมาชิกเข้าสู่ระบบ Username : Password : ลืมรหัสผ่าน
 ตั้งคำถามใหม่ | ตอบคำถาม | ผู้เข้าชม 243 ครั้ง  ตอบกระทู้ 3 คำตอบ

volumemax
วันที่
27 พฤษภาคม 2009
เวลา
16:15:20
volume.max@hotmail.com
IP
119.31.107.111
   

เงื่อนไขการรับเช็คช่วยชาติ มาตรา 38

Photo by :: volumemax

- ผมมาตรวจสอบขอรับเช็คช่วยชาติตามมาตรา 38 (แนบหลักฐานหนังสือเลิกจ้าง ลว. 1 ก.ย. 51& ใบขึ้นทะเบียนขอรับเช็ค ลว. 22 ก.พ.52)
- ของคุณไม่ตรงตามเกณฑ์นะค่ะ คือว่าคุณออกจากงานวันที่ 1 กันยายน 51 นายจ้างส่งเงินสมทบถึง 31 สิงหาคม 51 ค่ะเลยไม่ได้
- อ้าวแต่นโยบายรัฐบาลประกาศคือออกจากงานตั้งแต่ 1 กันยายน 51 ซึ่งวันนั้นผมไม่ได้ทำงานนี่ครับ น่าจะมีสิทธิ์รับเงินตามนโยบายรัฐบาล?
- ถ้าวันที่ 1 กันยายน 51 คุณยังทำงานอยู่คุณก็จะได้เงินค่ะ แล้วทำไมคุณถึงไม่ส่งเงินสมทบเองละค่ะ? (ก็ตูตีความหมายว่าตูได้เงินนี่หว่า)
- งั้นไม่เป็นไรครับผมทราบแล้วครับว่าสาเหตุมันเกิดจากใช้คำพูดไม่ถูก ต้องบอกว่าคนที่ออกจากงานตั้งแต่ วันที่ 2 กันยายน 51 ถึงจะได้เงิน!!!!!!

 


ความคิดเห็นที่ 1
คนเชียงราย
28 พฤษภาคม 2009
08:34:15
IP : 117.47.42.238
รัฐบาลเฮงซวย แทนที่จะช่วยชาวบ้านให้มีรายได้ มีอาชีพถาวร แต่กลับเอาเงินกูมาแจก 2000 ที่สำคัญแจกเฉพาะคนที่มีงานทำ มีสวัสดิการ(ประกันสังคม) ชาวไร่ชาวนา คนทำงานก่อสร้างแม่ค้าข้างถนน คนตกงาน คนจนกว่า ก็ไม่ได้ แล้วปรับขึ้นภาษีเรียกเก็บคืน

ความคิดเห็นที่ 2
เจียงฮาย
28 พฤษภาคม 2009
08:42:10
IP : 117.47.224.211
น่าจะเปลี่ยนชื่อ เป็น "เช็คทำลายชาติ" มากกว่าครับท่าน

ความคิดเห็นที่ 3
s
28 พฤษภาคม 2009
13:56:59
s@s.com
IP : 118.172.67.201
อัดรัฐบาลแก้เศรษฐกิจล้มเหลว

นาย บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธาน เครือสหพัฒน์ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในช่วงปลายปีนี้และจะดิ่งลงสู่ก้นเหว เนื่องจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรกติดลบสูงถึง 7.1% ประกอบกับแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไม่ถูกจุด ทำให้เอกชนต้องพึ่งพาตัวเอง โดยแนวทางที่ต้องการเสนอไปยังรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คือ ดูแลค่าเงินบาทให้เคลื่อนไหวอยู่ที่ 40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้เอกชนไทยสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ซึ่งหากดูแลให้เงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนลงมาได้ จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวได้ภายใน 6 เดือนข้างหน้า เพราะสัดส่วนอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของประเทศมาจากการส่งออกถึง 70%

ทั้งนี้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การส่งออกของไทยเกิดความเสียหายมากจากค่าเงินที่แข็งค่าขึ้น จนไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้ และยังกระทบให้ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนมีมากขึ้น เห็นได้จากคนจนในประเทศไทยมีจำนวนมากขึ้น ส่วนสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยที่กำลังซบเซาลงอย่างหนักนั้น ปัญหาใหญ่ก็มาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาถึงระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐจากที่เคยอยู่ที่ 42 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้นักท่องเที่ยวไม่เข้ามาในประเทศไทย

นอกจาก นี้ ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่จะกู้เงินจากต่างประเทศวงเงิน 400,000 ล้านบาท เนื่องจากจะส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ประกอบกับในประเทศยังมีสภาพคล่องใน ระบบสูงอยู่สามารถที่จะกู้เงินในประเทศได้ และกู้เงินจากต่างประเทศจะยิ่งทำให้ประเทศยิ่งจนลง

“ถ้าเราไม่อยู่ในวงการค้าขายเราไม่รู้หรอก เอกชนค้าขายขาดทุนไปเท่าไร ตอนนี้เอกชนคงทำได้แต่ตัวใครตัวมันเท่านั้น ดังนั้นผลงานรัฐบาลในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาเท่ากับขาดทุน รัฐบาลถังแตก”

นายบุณยสิทธิ์ กล่าวต่อว่า บริษัทได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองมาก ทำให้ลูกค้าต่างชาติไม่เข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัทใหม่แต่อย่างใด เห็นได้จากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการเซ็นสัญญาโครงการลงทุนใหม่ ๆ และสถานการณ์ค่อนข้างน่าเป็นห่วงมากกว่าวิกฤติเศรษฐกิจปี 40 รวมทั้งในปีนี้ต้องชะลอการลงทุนใหม่ จึงคาดว่า ในสิ้นปีนี้เครือสหพัฒน์จะมียอดขายติดลบ 5% รวมทั้งมีผลกำไรที่ลดลงมากจากปีก่อน ที่มียอดขายทั้งเครือกว่า 100,000 ล้านบาท และในกรณีที่เลวร้ายสุดอาจมียอดขายติดลบ 10%

นายไมเคิล ไฮส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของกลุ่มอลิอันซ์ บริษัท อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. กล่าวว่า อลิอันซ์ประเมินว่า ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้เป็นต้นไป เศรษฐกิจของไทยและของเอเชียน่าจะเริ่มฟื้นตัวไปพร้อม ๆ กัน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากมีสัญญาณที่ดีจากความเชื่อมั่นที่เริ่มกลับมาแล้ว โดยคาดว่าตัวเลขการเติบโตของภูมิภาคเอเชียในระดับต่ำที่ 2.7% และเอเชียไม่น่าจะต้องตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำนานนัก เพราะมีระบบธนาคารที่แข็งแกร่ง ทุนสำรองเงินตรามาก มีหนี้ต่างประเทศต่ำ และปี 53 จะเติบโตเป็น 5.6% หรือสองเท่าของปีนี้

ส่วนของประเทศไทย ปีนี้ จีดีพีจะติดลบที่ 3.5% เพราะไทยพึ่งพาการส่งออกอย่างมากถึง 75% ของจีดีพี อีกทั้งยังมีเหตุผลที่เกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศ ที่นำมาสู่ความตกต่ำทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้หากเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป ในปี 53 จะเติบโตได้ 3% โดยนอกจากปัจจัยทางการเมือง ปัญหาราคาสินค้าสูง อาจทำให้ปัญหาเงินเฟ้อกลับมา และผู้บริโภคไม่มีกำลังจับจ่ายใช้สอย จนเศรษฐกิจก็ฟื้นตัวช้า และหากสถาบันการเงินล้มขึ้นมา จะมีผลทางจิตวิทยาทำให้ทุกอย่างชะงักได้.

เดลินิวส์ ............ 27/5/52

ขณะนี้เชียงรายโฟกัส ได้ย้ายไปใช้เว็บบอร์ดใหม่

ท่านสามารถเข้าไปใช้บริการได้ที่นี่ http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php

 


"...ข้อความที่ีท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าผู้เสียหายหรือผู้ถูกพาดพิงพบเห็นข้อความใดๆ ที่พาดพิงถึงท่านจนได้รับความเสียหาย หรือข้อความที่ี่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม กรุณาแจ้งมาที่ เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบทันที ขอขอบพระคุณ.."
 

เชียงรายโฟกัส ดอทคอม ชุมชนออนไลน์ของคนเชียงราย by :http://www.ChiangraiFocus.com
ทุกความคิดเห็นสามารถส่งมาได้ที่ ChiangraiFocus@hotmail.com | หน้าแรกเว็บไซต์เชียงรายโฟกัส | หางานเชียงราย | ลงโฆษณากับเชียงรายโฟกัส