 |
เอ็ม นามสมมุติ |
วันที่ |
06 มิถุนายน 2009 |
เวลา |
15:04:20 |
|
bamboo.infront@gmail.com |
IP |
118.172.70.75 |
| |
|
|
|
ขอถามนักกฎหมายเก่งๆหน่อย เอาที่รู้จริงนะครับ
|
ช่วยตอบตรงๆ ประเด็นเลยถ้ามีคำพิพากษาบันทัดฐานช่วยบอกว่ามี แต่ไม่ต้องบรรยายคำพิพากษาก็ได้ครับ
ประเด็นคือ ถ้าเราเป็นหนี้ธนาคารฯ ในสภาพปรกติ ธนาคารก็จะส่งบันทึกรายงานการเงินมาให้เราและ ส่งไปยังศูนย์ข้อมูลเครดิต ทุกเดือน ไม่ว่าจะผิดนัดหรือไม่ผิดนัดเขาก็จะส่งเป็นเช่นนี้ทุกเดือนซึ่งทุกคนที่เคยเป็นหนี้คงจะทราบดีอยู่แล้ว
ต่อมา ผมผ่านขั้นตอนผิดนัด ทวงถาม ยื่นหนังสือฟ้อง จนในที่สุด ฟ้องล้มละลาย โดยเจ้าหนี้ทุกรายก็ได้เข้ามาขอเฉลี่ยทรัพย์เรียบร้อย ผ่านไป สามปี ตามกฎหมาย ศาลก็ปลดผมจากการล้มละลาย แน่นอนว่าทรัพย์ที่ ธนาคารนำไปเฉลี่ย ไม่พอชำระหนี้แน่นอน
ก็ยังคงมีหนี้ที่ค้างชำระอยู่ ซึ่งจะนำมาฟ้องร้องอีกไม่ได้แล้ว
หลังจากปลดล้มฯ หนึ่งปี ธนาคารก็ยังคงเพียรส่งหนังสือบันทึกรายงานการเงิน Statement มาให้ผมและศูนย์ข้อมูลเครดิตทุกๆ หกเดือน ผมก็ติดต่อกลับไปว่าผมกับท่านนั้นไม่มีหนี้ต่อกันตามกฎหมายแล้วไม่ต้องส่งมา และให้หยุดส่งไปยังศูนย์ข้อมูลเครดิต ทางธนาคารฯตอบมาว่าถ้าต้องการให้หยุดส่งรายงานไปยังศูนย์ข้อมูล ต้องชำระเงินบางส่วนซึ่งทางธนาคารฯอ้างว่าเป็นค่าแก้ไขข้อมูลทางบัญชี ซึ่งเป็นหลักแสนบาท
คำถามแล้วครับ.. อยากทราบว่าธนาคารฯมีสิทธิ ที่จะส่งรายงานหนี้ค้างชำระที่ไม่สามารถเรียกร้องตาม กม.แล้ว มายังผม และ ทางศูนย์ข้อมูล ได้อยู่โดยถูกต้องตามกฎหมายอีกหรือครับ ในเมื่อผมแจ้งไปยังธนาคารว่าไม่ให้ส่งมายังผม เพราะทำให้ผมและครอบครัวไม่สบายใจ
ผมติดต่อไปยังศูนย์ข้อมูลแล้วดังคำตอบที่ทางศูนย์ได้กรุณาชี้แจ้งมาข้างล่างนี้นะครับ
|
| |
|
| ความคิดเห็นที่
1 |
 |
เอ็ม |
 |
06 มิถุนายน 2009
15:08:53 |
|
bamboo.infront@gmail.com |
|
IP :
118.172.70.75 |
|
บริษัทขอเรียนชี้แจงว่า ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. 2545 บริษัทมีหน้าที่เก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลที่ได้รับจากสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกของบริษัท โดยสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกมีหน้าที่รายงานและส่งข้อมูลของลูกค้า(เจ้าของข้อมูล)ให้กับบริษัทข้อมูลเครดิตทุกเดือน ไม่ว่าจะผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ก็ตาม การลบและ/หรือแก้ไขข้อมูลใดในฐานข้อมูลของบริษัทไม่สามารถจะทำได้ เว้นแต่ข้อมูลดังกล่าวไม่ถูกต้องหรือเกินกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยบริษัทจะตรวจสอบข้อเท็จจริงและความถูกต้องของข้อมูลกับสถาบันการเงินผู้นำส่งข้อมูลเมื่อเจ้าของข้อมูลใช้สิทธิขอตรวจสอบหรือโต้แย้ง บริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายในอันที่จะประมวลผลข้อมูลให้ผิดแผกหรือแตกต่างจากที่สมาชิกส่งข้อมูลมานั้นได้ สำหรับการจัดเก็บข้อมูลมีหลักเกณฑ์ ดังนี้
1) บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลการผิดนัดชำระหนี้ของบุคคลธรรมดาไว้ไม่เกิน 3 ปี นับจากวันที่ได้รับจากสมาชิก ในลักษณะของรายงานข้อเท็จจริงย้อนหลังไปไม่เกิน 3 ปี แบบ First in - First out เช่น ข้อมูลที่สมาชิกส่งให้บริษัทในเดือนมกราคม 2551 จะจัดเก็บอยู่ในระบบข้อมูลเครดิตจนถึงเดือนธันวาคม 2553 หรือข้อมูลที่ส่งในเดือนสิงหาคม 2551 ก็จะจัดเก็บอยู่ในระบบข้อมูลเครดิตจนถึงเดือนกรกฏาคม 2554 เป็นต้น ไม่ได้รายงานการผิดนัดครั้งแรกเพียงครั้งเดียว ดังนั้น รายงานข้อมูลเครดิตก็จะแสดงการผิดนัดชำระหนี้ย้อนหลังไม่เกิน 3 ปี อยู่ตลอดไป จนกว่าสมาชิกจะหยุดส่งข้อมูล ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีดังต่อไปนี้
1. เมื่อลูกหนี้ชำระหนี้ให้แก่สมาชิกเสร็จสิ้นหรือชำระปิดบัญชี
2. เมื่อสมาชิกไม่มีสิทธิเรียกร้องหรือไม่สามารถบังคับเอากับทรัพย์สินของลูกหนี้ได้อีกต่อไป
3. เมื่อสมาชิกจำหน่ายบัญชีสินเชื่อของลูกค้าเป็นหนี้สูญ
อย่างไรก็ดี หลังจากสมาชิกหยุดส่งข้อมูล ระบบจะยังแสดงข้อมูลอยู่เป็นเวลา 3 ปี เช่น หยุดส่งข้อมูลในเดือนมีนาคม 2549 ข้อมูลก็จะปรากฎอยู่ในระบบจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2552 เมื่อถึงเดือนมีนาคม 2552 ข้อมูลในบัญชีดังกล่าวจะถูกลบออกจากฐานข้อมูลของบริษัททั้งบัญชี
2) ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้จัดเก็บข้อมูลคำพิพากษาของศาลให้เป็นบุคคลล้มละลายในระบบข้อมูลเครดิตของบริษัท
อนึ่ง บริษัทขอเรียนเพิ่มเติมว่า เจตนารมณ์ของกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิตมุ่งเน้นไปที่การจัดเก็บประวัติการขอสินเชื่อและประวัติการชำระหนี้เป็นสำคัญ ว่ามีความเป็นมาและมีการชำระหนี้กันอย่างไร ซึ่งมิไช่ข้อมูล Blacklist แต่อย่างใด ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์สินเชื่อของสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิก ซึ่งแตกต่างจากกฎหมายล้มละลายที่มุ่งเน้นไปที่ความเป็นหนี้ ภาระหนี้ และความระงับสิ้นไปของหนี้ ดังนั้น ในบางกรณีสมาชิกยังสามารถส่งข้อมูลให้แก่บริษัทได้แม้ลูกค้าจะปลดจากล้มละลายแล้วก็ตาม เช่น เป็นเจ้าหนี้ที่ยื่นขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย แต่ยังได้รับชำระหนี้ไม่ครบถ้วน หรือเป็นเจ้าหนี้มีหลักประกัน เป็นต้น ซึ่งแตกต่างจากหลักกฎหมายล้มละลายที่ให้ถือลูกหนี้หลุดพ้นจากหนี้สินทั้งปวงอันพึงขอรับชำระหนี้ได้ในคดีล้มละลายเมื่อลูกหนี้ปลดจากล้มละลาย
สำหรับกรณีของท่าน แนะำนำให้ตรวจสอบข้อมูลตนเองก่อน เพื่อดูว่าสถาบันการเงินนั้นรายงานข้อมูลของท่านเป็นอย่างไร และสามารถยื่นคำขอใช้สิทธิตรวจสอบแก้ไขข้อมูลได้ หากข้อมูลไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง โดยการตรวจสอบข้อมูลสามารถทำได้ดังนี้
1. ยื่นคำขอตรวจสอบข้อมูลเครดิตด้วยตนเองที่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำนักงานใหญ่ เลขที่ 63 อาคาร 2 ชั้น 2 ถนนพระรามเก้า ห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โดยแสดงหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง และเสียค่าธรรมเนียมการตรวจสอบ 100 บาท โดยสามารถรับรายงานข้อมูลเครดิตได้ภายในวันที่ยื่นคำขอ (หากไม่สะดวกมาด้วยตนเอง ท่านสามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมาดำเนินการแทนได้ ดูขั้นตอนการยื่นได้ที่ www.ncb.co.th ) ซึ่งสามารถรอรับรายงานข้อมูลเครดิตได้ภายในวันที่มายื่นคำขอ
2. ยื่นคำขอตรวจสอบข้อมูลเครดิตด้วยตนเองผ่านสาขาของธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) โดยแสดงหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง และเสียค่าธรรมเนียมการตรวจสอบ 100 บาท และค่าจัดส่งทางไปรษณีย์ 20 บาท บริษัทจะจัดส่งรายงานข้อมูลเครดิตไปให้ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้ในใบคำขอภายใน 1 สัปดาห์ (กรณีนี้ไม่สามารถใช้วิธีมอบอำนาจได้) |
|
ขณะนี้เชียงรายโฟกัส ได้ย้ายไปใช้เว็บบอร์ดใหม่
ท่านสามารถเข้าไปใช้บริการได้ที่นี่ http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php
|
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบทันที
ขอขอบพระคุณ.."
