กระดานข่าวเชียงรายโฟกัส ดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย

 
Untitled Document
 
ห้องนี้เน้นหื้อใจ้ภาษากำเมือง เรื่องมะเก่า อนุรักษ์กำเมือง และของพื้นเมืองตังหลาย วิถีชีวิตจาวบ้าน ศิลปวัฒนธรรมล้านนา วิถีชีวิตคนเมือง เพลงพื้นเมือง ค่าว จ๊อย ซอ ฯลฯ เน่อครับ
++ ข้อความที่ีท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง ++

สมาชิกเข้าสู่ระบบ Username : Password : ลืมรหัสผ่าน
 ตั้งคำถามใหม่ | ตอบคำถาม | ผู้เข้าชม 1622 ครั้ง  ตอบกระทู้ 1 คำตอบ

ไค่ เสร็จนี้จะไปหลับละ
วันที่
12 มิถุนายน 2009
เวลา
06:33:32
IP
81.165.67.182
   

วัดในทักษาเมือง
ปอดีใด้อู้กับเชียงฮายพันธุ์แต้ ละเปิ้นเอาข้อมูลหื้อผ่อ กึดว่าหลายๆคนอาจจะบ่าเกยฮู้บ่าเกยใด้อ่าน ก่อเลยเอามาแบ่งข้อมูลหื้อปี่น้อง ก๋านแป๋งเวียงนี่ขั้นตอนก่อไจน้อยเน้อ อู้กับเจียงฮายพันธุ์แต้ก่อบอกว่ามีอยู่สามเวียงตี่แป๋งแบบวิธีกรรมเดียวกั๋นก่อคือ เวียงเจียงฮาย เวียงเจียงตุง ละก่อเวียงเจียงใหม่ บ่แปลกจั๋ยเลย ขนาดของเวียงก่อแตกต่างกั๋นไปหน่อย อาจจะบ่ใหญ่เตาเดียวกั๋น ตี่เอาหื้อผ่อของเวียงเจียงใหม่เนาะ อะเจิญๆเจ้า
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วัดในทักษาเมืองเชียงใหม่

ประวัติ
ในการสร้างเมืองเชียงใหม่นั้น พญามังรายได้ทรงให้เหล่าโหราจารย์ ราชบัญฑิต คิดหาฤกษ์ยามในการสถาปนาเมืองตามแนวคิดและความเชื่อของคนโบราณที่ว่า เมืองนั้นก็มีชีวิตเช่นเดียวกับคน เมื่อมีการสร้างเมืองขึ้นมาก็เหมือนกับการให้ชีวิตเมืองด้วย เมืองนั้นมีส่วนต่างๆ เหมือนคน มีหัว มีสะดือ มีส่วนต่างๆ อยู่ตามทิศต่างๆ และมีดวงเหมือนเหมือนคนเมืองแต่ละเมืองก็จะมีทิศของดวงต่างๆ ไม่เหมือนกัน เมื่อใดเกิดสิ่งไม่ดีขึ้นกับเมือง หรือเกิดภัยพิบัติจะต้องมีการสืบชะตาเมืองเหมือนกับคนด้วย โดยความเชื่อเกี่ยวกับทิศของดาวเมืองนี้เป็นสิ่งที่บันทึกไว้ในคัมภีร์มหาทักษา หรือ ภูมิพยากรณ์ ของศาสนาพราหมณ์ โดยทักษา หมายถึง ชื่อเรียกกลุ่มดาวอัฐเคราะห์ หรือดาวทั้งแปด คือ อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ เสาร์ พฤหัสบดี ราหู ศุกร์ ที่จัดเข้าระเบียบเป็น บริวาร อายุ เดช ศรี มูล อุตสาหะ มนตรี และกาลกิณี เวียนขวา(ทักษิณาวรรต) ไปตามทิศทั้ง 8 คือ บูรพา อาคเนย์ ทักษิณ หรดี ประจิม พายัพ และอุดร

ทักษาเมืองเชียงใหม่นั้นกำหนดตามทิศต่างๆ ดังนี้

บริวารเมือง - ประตูสวนดอก

มูลเมือง - ประตูท่าแพ

เกตุเมือง - วัดสะดือเมือง

ศรีเมือง - แจ่งศรีภูมิ

กาลกิณีเมือง - แจ่งกู่เฮือง

เดชเมือง - ประตูช้างเผือก

มนตรีเมือง - ประตูเชียงใหม่

อายุเมือง - แจ่งหัวลิน

อุตสาหะเมือง - แจ่งขะต้ำ


ภาพทักษาเวียงเชียงใหม่ตามการคำนวณของดวงเมืองเวียงเชียงใหม่

สำหรับแนวคิดในเรื่องวัดทักษาเมืองนั้นเกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์องค์ที่ 10 ด้วยในสมัยนั้นทางอาณาจักรล้านนากับอาณาจักรอยุธยาได้ทำศึกสงคราวเพื่อแย่งชิงเมืองเชลียงทางกรุงศรีอยุธยาได้ส่งพระเถระมังลุงหลวง ชาวพุกาม มาทำลายล้างเมืองเชียงใหม่ พระเถระมังลุงหลวงได้ออกอุบายลวงพระเจ้าติโลกราชว่า ถ้าหากพระองค์มีพระประสงค์จะมีพระบรมเดชานุภาพปราบไปทั้งชมพูทวีป พระองค์ควรตัดต้นไม้ศรีเมืองและสร้างพระราชฐานบริเวณศรีเมืองนั้น เมื่อพระเจ้าติโลกราชทรงทำตามคำยุ ตัดต้นไม้นิโครธ (ต้นไทร) อันเป็นไม้ศรีเมืองทิ้ง ก็เกิดอาเพทเหตุอุบาทว์ต่างๆ นานากับเมืองเชียงใหม่ นอกจากนี้ทางกรุงศรีอยุธยาได้ส่งพวกผาสี (อิสลามิกชนชาวจีน) มาทำคุณไสยฝังสิ่งอัปมงคลต่างๆ ภายในทักษาเมืองเชียงใหม่ เมื่อพระเจ้าติโลกราชทรงทราบความจริงจึงทำการฆ่าพระเถระมังลุงหลวงและพวกผาสีทิ้ง ด้วยความเชื่อที่ว่าบ้านเมืองถูกกระทำคุณไสย ทำให้เป็นที่สร้างความวิตกกังวลในหมู่ชาวเมืองและพระเจ้าติโลกราช ดังนั้นพรเจ้าติโลกราชได้รับสั่งให้เหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต พระเถระชั้นผู้ใหญ่ กระทำพิธีแก้ขึด โดยการย้ายและสร้างศูนย์กลางเมืองมาที่ใหม่คือ พระธาตุเจดีย์หลวง โดยการเปลี่ยนฐานะจากกู่(สถูป) บรรจุอัฐิพญาเจ้ากือนามาเป็นเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมทั้งสถาปนาวัดเจดีย์หลวงเป็นเกตุเมือง และทรงอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานที่องค์พระเจดีย์ อีกทั้งให้หมื่นด้ำพร้าคต(สีหโคตเสนาบดี) เสริมสร้างความใหญ่โตและแข็งแรงให้แก่องค์พระเจดีย์เพื่อให้เป็นมิ่งขวัญเมือง พร้อมทั้งสถาปนาวัด 8 วัด ซ้อนทักษาเมืองเดิมที่ถูกทำลายไป (โดยเฉพาะศรีเมือง) และนี่ก็คือที่มาของวัดทักษาเมืองทั้ง 8 ทิศของเมืองเชียงใหม่ ซึ่งประกอบด้วย

1. ศูนย์กลางเมือง หรือเกตุเมือง ได้แก่ วัดเจดีย์หลวง (โชติการาม)

2. มูลเมือง ได้แก่ วัดบุพพาราม (อารามทิศตะวันออก)

3. อุตสาหะเมือง ได้แก่ วัดชัยมงคล

4. มนตรีเมือง ได้แก่ วัดนันทาราม

5. กาลกิณีเมือง ได้แก่ วัดร่ำเปิง (ตโปธาราม)

6. บริวารเมือง ได้แก่ วัดบุปผาราม (วัดสวนดอก)

7. อายุเมือง ได้แก่ วัดเจ็ดยอด (โพธารามมหาวิหาร)

8. เดชเมือง ได้แก่ วัดเชียงยืน (ทีฆวัสสาราม)

9. ศรีเมือง ได้แก่ วัดชัยศรีภูมิ


ภาพแสดงทักษาเมืองและวัดที่ประจำตามทักษาเมือง

ภาพทักษาเวียงเชียงใหม่ตามการคำนวณของดวงเมืองเวียงเชียงใหม่ทักษาเมืองนอกจากจะเกี่ยวข้องกับดวงเมืองแล้ว ยังเป็นเครื่องหมายกำหนดอาณาเขตของการประกอบกิจกรรมหรือการแบ่งเขตที่อยู่ของชนชั้นต่างๆ ภายในกำแพงเมืองเชียงใหม่อีกด้วย แนวคิดเรื่องการตั้งเวียงเชียงใหม่แบ่งออกเป็นเขตต่างๆ อาศัยความเชื่อเรื่องดวงเมืองตามคัมภีร์มหาทักษา ทักษาเวียงเชียงใหม่ตามการคำนวณของดวงเมืองเวียงเชียงใหม่นั้นจะได้แก่

1. อายุเมือง  ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (แจ่งหัวลิน) พระเจ้าแผ่นดิน
2. เดชเมือง ทิศเหนือ (ประตูหัวเวียงหรือประตูช้างเผือก) การเมืองการปกครอง

3. ศรีเมือง ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (แจ่งศรีภูมิ) พระเจ้าแผ่นดิน

4. มูลละเมือง ทิศตะวันออก(ประตูเชียงเรือกหรือประตูท่าแพใน) การพาณิชยกรรม

5. อุตสาหะเมือง ทิศตะวันออกเฉียงใต้ (แจ่งขะต้ำ) การอุตสาหกรรม

6. มนตรีเมือง ทิศใต้ (ประตูท้ายเวียงหรือประตูเชียงใหม่) ที่พักอาศัยขุนนางเจ้าหน้าที่

7. บริวารเมือง ทิศตะวันตก (ประตูสวนดอก) ที่พักอาศัยไพร่พลเมือง

 


ความคิดเห็นที่ 1
ไค่ ไปละ
12 มิถุนายน 2009
06:36:20
IP : 81.165.67.182
ขอต่อเพิ่มแหมน้อยเจ้า
*************************


ในการสร้างเมืองเชียงใหม่ พญามังรายได้ทรงให้เหล่าโหราจารย์คิดหาฤกษ์ เพราะมองว่าเมืองมีชีวิตเช่นเดียวกับคน สร้างเมืองก็เหมือนชีวิตเมือง นักโหราศาสตร์ของเมืองทำนายว่าหัวเมืองของเชียงใหม่ควรจะหันหน้าเข้าสู่ทิศเหนือ ซึ่งจะนำศิริมงคลมาให้ ผังเมืองเชียงใหม่เป็นรูปทรงเรขาคณิต การจัดวางผังเมืองสอดคล้องกับความเชื่อเรื่องทักษาเมือง คือควรจะมีวัดสำคัญในแต่ละทิศ เพราะถ้า เมือง มีเทวดาคุ้มภัยให้ทั้งแปดทิศก็จะเจริญไปชั่วกัลปาวสาน แต่ประเด็นนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันมากในกลุ่มนักวิชาการ

อาณาจักรล้านนาเข้าสู่ยุคทองในช่วงปี พ.ศ 1943-2068 เริ่มมีโครงการก่อสร้างต่างๆอย่างเช่นคลองส่งน้ำ ล้อปั่นน้ำเพื่อการระบายน้ำและทำให้การเกษตรในภูมิภาคดีขึ้น ช่วงนี้บรรดาช่างฝีมือเริ่มพัฒนารูปแบบงานศิลปะเป็นแบบเหนือซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น

แต่พอปี 2068 เป็นต้นมาอาณาจักรล้านนาเริ่มอ่อนแอลง สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นเพราะหมดเงินไปมากกับโครงการทางศาสนา และมักจะมีปัญหากับเพื่อนบ้าน ทำให้เข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพง การเมืองการปกครองเริ่มยุ่งเหยิง ซึ่งได้กลายเป็นเหตุให้เชียงใหม่ต้องพ่ายแพ้ต่อพม่า ที่เริ่มเข้ามาครอบครองเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 2101 อาณาจักรล้านนาต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของพม่า 200 กว่าปี พอตอนหลังเมื่อได้เป็นพันธมิตรกับการปกครองส่วนกลางจากกรุงเทพ พม่าต้องล่าถอยไปในที่สุด

ข้อมูลกับฮูปจากเวบนี้เจ้า http://www.oknation.net/blog/monnita/2007/09/22/entry-1

ขณะนี้เชียงรายโฟกัส ได้ย้ายไปใช้เว็บบอร์ดใหม่

ท่านสามารถเข้าไปใช้บริการได้ที่นี่ http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php

 


"...ข้อความที่ีท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าผู้เสียหายหรือผู้ถูกพาดพิงพบเห็นข้อความใดๆ ที่พาดพิงถึงท่านจนได้รับความเสียหาย หรือข้อความที่ี่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม กรุณาแจ้งมาที่ เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบทันที ขอขอบพระคุณ.."
 

เชียงรายโฟกัส ดอทคอม ชุมชนออนไลน์ของคนเชียงราย by :http://www.ChiangraiFocus.com
ทุกความคิดเห็นสามารถส่งมาได้ที่ ChiangraiFocus@hotmail.com | หน้าแรกเว็บไซต์เชียงรายโฟกัส | หางานเชียงราย | ลงโฆษณากับเชียงรายโฟกัส