กระดานข่าวเชียงรายโฟกัส ดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย

 
Untitled Document
 
ห้องบอร์ด ร้องทุกข์ แจ้งเตือนภัยสังคม ของ/คนหาย ทุจริต โกง ฯลฯ..
++ ข้อความที่ีท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง ++

สมาชิกเข้าสู่ระบบ Username : Password : ลืมรหัสผ่าน
 ตั้งคำถามใหม่ | ตอบคำถาม | ผู้เข้าชม 2472 ครั้ง  ตอบกระทู้ 37 คำตอบ

อวบแมน
วันที่
17 มิถุนายน 2009
เวลา
19:57:43
hope@hp.com
IP
202.149.25.225
   

ทำไมชาวนาจน
จนมากครับ และทำงานหนักมาก แล้วยังบอกให้พอเพียงกัน จะพอเพียงได้ไงครับ มีแต่หนี้แต่สิน

 


ความคิดเห็นที่ 1
อากิระ
17 มิถุนายน 2009
22:27:31
IP : 117.47.127.79
ชาวนาจน และทำงานหนักมาก แล้วบอกให้พอเพียง ถูกแล้วครับ ถ้าจนแล้วไม่พอเพียง จะยิ่งจนลงไปอีก คำว่าพอเพียง เป็นคำที่ในหลวงท่านใช้สอน ใช้บอกกับพวกเราว่าพอเพียงแก่การดำเนินชีวิต ไม่ใช่พอเพียงกับความต้องการ คุณอวบแมนควรทำความเข้าใจกับคำว่าพอเพียงให้ดีครับ

พอเพียง ที่ผมเข้าใจคือ เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องดิ้นรนมากเกินไป อย่างเป็นชาวนาปลูกข้าวเป็น ข้าวที่ปลูกนั้นพอกินมั้ย เหลือพอขายมั้ย(ชาวนาที่ภาคกลางปลูกข้าวขาย แล้วซื้อข้าวกินซะส่วนใหญ่) ปลูกข้าวเป็นแล้วปลูกผักสวนครัวเป็นมั้ย(ผมว่าปลูกเป็น) เลี้ยงไก่เป็นมั้ย(ปล่อยให้หากินเองบ้าง เลี้ยงด้วยข้าวเปลือกบ้าง) ขุดดินเป็นมั้ย ขุดบ่อขนาด 5x6 เมตร ลึก 1.5 เมตร ซักสองบ่อไว้เลี้ยงปลาดุกกับปลานิล ไว้กินเองได้มั้ย(ลูกปลาดุกขนาด 1 นิ้วตัวละ 3 บาทหรือไปซื้อที่ตลาดที่เขาเอามาขายให้ปล่อยเพื่อทำบุญก็ได้ตัวละ 10 บาทจะโตประมาณ 5-10 นิ้ว หรือปลานิลตัวเล็กอย่างแพงเลยตัวละ 3 บาทถุงละร้อยตัว เลี้ยงด้วยเศษข้าวที่กินเหลือ ในแต่ละวัน วันไหนขยันก็สับหยวกกล้วยโยนลงไปให้กินบ้าง) ปลูกกล้วยน้ำว้าบ้าง กล้วยหอมบ้างซักสองสามกอ มะม่วงซักสองต้น ชมภู่ ขนุน ลิ้นจี่ มะไฟ ลำไย มะพร้าว เตยหอม แค่ที่กล่าวมาข้างต้น ใช้พื้นที่ปลูกรวมที่บ้านด้วยไม่ถึงสองงาน เหลือกินก็เอาไปขาย ถามว่าถ้าพื้นที่สองงานแล้วปลูกทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น พอเพียงกับการดำรงชีวิตมั้ย

หากจะปลูกข้าวขายอย่างเดียว แล้วอย่างอื่นซื้อกินหมด ทำอย่างไร เมื่อไหร่ก็ไม่พอเพียงหรอกครับ เมื่อเริ่มพอเพียงแล้วต่อไปเราก็จะรู้จักประหยัด เมื่อเรามีข้าวกิน มีผัก มีปลา มีไก่ มีไข่ นานๆ ไปซื้อหมู ซื้อเนื้อมาทำกินบ้าง ค่าใช้จ่ายนอกบ้านน้อยลง เงินก็น่าจะเหลือมากขึ้น กินเหล้าให้น้อยลง ถ้าติดบุหรี่ก็เลิกซื้อบุหรี่สูบซะ ต้นใบยาสูบปลูกได้ไม่ผิดกฏหมาย เก็บใบแก่จะชอบรสจัด เก็บใบอ่อนถ้าชอบกลิ่นไม่แรง เก็บมาเรียงม้วนแล้วหั่นซอยเป็นเส้นแล้วผึ่งลมให้แห้ง อย่าให้แห้งกรอบ มวนกับใบตองแห้ง รสชาดไม่แพ้ซิการ์เมืองนอกเลยนะจะบอกให้

อีกเรื่องหนึ่งสุดท้ายคือเรื่องฟุ้งเฟ้อกับเฟอร์นิเจอร์ของเพื่อนบ้าน เห็นบ้านอื่นมีก็อยากมีเหมือนกัน อย่างทีวีจอใหญ่ แอร์เบอร์ห้า ไมโครเวฟ ตู้เย็นสองประตู รถเก๋ง รถกระบะ รถไถแบบนั่งขับ(แบบเดินตามก็ใช้มาตั้งหลายปี แล้วยังใช้ได้อีกหลายปี) แล้วก็ปุ๋ยเคมีที่เห็นคนอื่นใช้แล้วดี(ให้ปุ๋ยปีนี้สี่กระสอบ ปีต่อๆ ไปต้องให้มากกว่าเดิม เพราะดินเสีย) อะไรที่ไม่จำเป็นอย่าซื้อ กับคิดว่าเดี๋ยวก็หาเงินมาจ่ายได้เอง เลิกคิดไปได้เลยครับ แล้วจะจนน้อยลง

ความคิดเห็นที่ 2
อวบแมน
18 มิถุนายน 2009
06:49:02
hope@hp.com
IP : 202.149.25.197
แต่คนบ้านนอกก็ปลูกนั่นนี่กินมาตลอด แต่พอมาถึงเจ็บป่วยสมัยก่อนถึงกับต้องขายนาขายสวน หรือ เวลาลูกเรียนมหาลัยต้องกู้ ไม่มีไครอยากฟุ้งเฟ้อหรอก แต่ความจริงคือความจริง สังคมมีค่าใช้จ่าย รัฐบาลอยากให้ชาวนาอยู่กันตามมีตามเกิดใช่หรือไม่ พอเพียงอาจดี แต่ผมว่า ความสมดุลดีที่สุด รายได้ควรอำนวยความสะดวกต่อชีวิต และถามคำเดียว ทำไมชาวนาไม่คู่ควรกับ microwave หรือ large screen tv ชาวนาไม่ใช่คนหรือ

ความคิดเห็นที่ 3
เสี่ยวเอ้อ
18 มิถุนายน 2009
11:07:30
IP : 110.169.41.115
ยอดเยี่ยมไปเลยครับท่าน อากิระ ขอปรบมือให้ดังๆเลย
แต่ รัฐบาลต้องทำเป็นตัวอย่างก่อนนะครับ 1.4 ล้านๆนี่ ดูยังไงก็ไม่ใช่แนวพอเพียงแน่ๆ
จะดีมั้ยหากเราใช้วิกฤติวันนี้มาทำแบบพอเพียงกันทั้งประเทศ .... หมอตาม รพ.เอกชน ก็รักษาแบบพอเพียง ไม่ใช่ยาต้นทุน 5 บาทแต่โขกรวมกับค่าห้อง 3500. ชาวนาก็ต้องกู้มาจ่าย ยืมมาจ่าย แล้วจะให้เขาพอเพียงฝ่ายเดียว ไม่บาลานซ์ ครับ รพ. รัฐก็คนล้น จะให้รอคิว ตายซะก่อน หากเอกชนไม่แพงมากมายมหาศาลเกินไป ใครๆก็อยากพอเพียงครับ นี่แค่เรื่องเดียว อีกเรื่อง โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย หากมีชื่อต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก ลูกชาวนาเรียนเก่งมากอยากเป็นหมอ ค่าเทอมหลายหมื่นบาท แม่ขายปลานิลยังไม่พอค่าเทอมเลยที่แค่ 2 งาน เอ้า..เอาไปจำนองซิ ไอแดงมันจะเรียนหมอ.....
ทำแบบพอเพียงเราต้องดูลาวเป็นตัวอย่างครับ รัฐต้องไม่นำค่านิยม วัฒนธรรมฟุ้งเฟ้อตะวันตกเข้ามามอมเมาประชาชนให้มีกิเลส คุณเอาข้าวสารไปล่อหน้าไก่แล้วไม่ให้ไก่มันแอบกิน เป็นไปไม่ได้..........
หากเราชอบแบบเสรีนิยม ก็ ปล่อยมันตามธรรมชาติครับ
หากเราชอบอนุรักษ์นิยม รัฐต้องออกกฏหมายมาบังคับเลย.....
สรุป พอเพียง ดีมาก หากทำกันทั้งประเทศ ทุกสังคม แต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะคนชั้นสูงยังบ้าเพชรอยู่เลย...55555

ความคิดเห็นที่ 4
อากิระ
18 มิถุนายน 2009
18:28:46
IP : 117.47.127.79
ตอบคุณอวบแมนครับ
ที่ผมพูดไม่ได้หมายความว่าชาวนาไม่ใช่คน ผมก็ลูกชาวนา กลับไปช่วยที่บ้านทำนาก็ปีละครั้ง(ทำได้แต่ข้าวนาปี) การมีพออยู่พอกิน คือเพียงพอแก่ความต้องการ ส่วนอุปกรณ์เครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ ไมโครเวฟเอย ทีวีจอแบนใหญ่ยักษ์เอย มันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตมั้ย จอ 21 นิ้ว ธรรมดาได้มั้ย จอเล็กลงกินไฟน้อยลง ค่าไฟก็น้อยลง ไมโครเวฟ ทำงานครั้งนึกกินไปกี่วัตต์ เอาใส่กะทะตั้งไฟเปิดแก๊ส ถูกกว่ามั้ย ผมมาอยู่ที่นี่ ดูข่าวดูทีวียังใช้จอคอมพิวเตอร์มือสอง 15 นิ้วต่อกับทีวีบ๊อกซ์ 300 บาท สายอากาศธรรมดาก็ดูข่าวดูละครได้ทุกช่อง เหมือนกัน เป็นคนเหมือนกัน แล้วทำไมต้องอยากได้อะไรที่มันเกินความจำเป็น เรื่องเรียนต่อมหาลัย หากขยันตั้งใจเรียน การขอทุนการศึกษาก็ไม่ยากเกิน ยิ่งเดี๋ยวนี้ของ่ายกว่าแต่ก่อนเยอะ จบมาหางานทำได้ค่อยจ่ายคืน เรื่องที่ว่าจะให้รัฐบาลลงมาช่วยเป็นรายตัวน่ะ ตายแล้วเกิดใหม่อีกห้้าสิบรอบจะเป็นไปได้มั้ย ผมคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก พออยู่พอกินแบบคนที่เจริญรอยตามคำสอนของพ่อหลวงมีหลายคน หากว่าเลียนแบบได้ ทำอย่างเขาได้ รายจ่ายก็จะค่อยๆ ลดลง รายได้ก็จะมากขึ้น(ทีละนิด) รู้จักเก็บ รู้จักจ่าย มันก็ค่อยๆ หมดไปเอง เข้าใจว่าไม่มีใครคิดอยากฟุ้งเฟ้อ แต่ในความเป็นจริงส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าไม่เป็นไรหรอก แล้วจะให้ใครมาแก้ปัญหาให้ได้ทันที หากมีใคร หรือรัฐบาลไหนแก้ได้ ชาวนาคงรวยที่สุดในประเทศแล้ว

คิดเอาอย่างปลูกข้าว ขายให้โรงสีกิโลเท่าไหร่ ควรจะได้ราคาเท่าไหร่ โดนกดราคาเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม สุดท้ายจะถูกกดถูกโกงเท่าไหร่ก็ต้องขาย ทีนี้ชาวนาโทษใคร... ก็ต้องโทษรัฐบาล แล้วองค์กรที่อยู่ใกล้ตัว ที่กินเงินภาษีท่านทั้งหลาย ทำไมไม่โทษ หรือมีไว้ทำอะไร ไล่ไปตั้งแต่ สหกรณ์หมู่บ้านมีมั้ย อบต.มีมั้่ย อบท.มีมั้ย อบจ.มีหรือเปล่า สนง.เกษตร ตำบล อำเภอ จังหวัด สนง.พาณิชย์จังหวัดมีมั้ย หอการค้าจังหวัดมีมั้ย ตัวแทนกลุ่มชาวนามีมั้ย กลุ่มองค์กรพวกนี้กินเงินเดือนภาษีเราทั้งนั้น เขาทำอะไรให้เราบ้าง

เวลาที่ชาวนารวมกลุ่มกันประท้วงรัฐบาลในแต่ละรัฐบาล(ประท้วงกันทุกรัฐบาล) ทำได้นะครับ แต่จะรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างองค์กรปกป้องสิทธิทางการค้าของตัวเองทำไมทำยากเย็น ผมเคยไปดูงานที่สหกรณ์หมู่บ้านที่อำเภอปักธงชัย โคราช กับลูกพี่ลูกน้องที่เป็นครูอยู่อำเภอประทาย หลายปีก่อนและจากการที่ได้ไปดูงานตอนนั้น ปัจจุบันนี้ สหกรณ์หมู่บ้านที่ลูกพี่ลูกน้องทำงานอยู่ได้รวมกลุ่มกันผลิตข้าวกล้องบรรจุถุงละกิโล ส่งขายตามอำเภอต่างๆ ในโคราช และจังหวัดใกล้เคียง ได้ขอความอนุเคราะห์ทาง เกษตรและพาณิชย์จังหวัดหาอาสาสมัครออกแบบเรื่องแพคเกจจิ้งให้ ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พึ่งส่งข้าวกล้องไปขายที่ีสุราษฎร์ธานี(ขออภัยถ้าเขียนชื่อจังหวัดผิด) 800 กิโลกรัม ปริมาณการส่งออกจากสหกรณ์ เดือนละเกือบตัน เขาทำได้ไม่รอความอนุเคราะห์จากรัฐบาล ทำไมเราจะทำไม่ได้

ความคิดเห็นที่ 5
อากิระ
18 มิถุนายน 2009
18:47:51
IP : 117.47.127.79
ตอบคุณเสี่ยวเอ้อครับ
ถ้าหากจะพอเพียงแล้วต้องรอให้รัฐบาลทำเป็นตัวอย่างไม่ได้หรอกครับ ถ้ารัฐบาลโกงแล้วเราต้องโกงตามมั้ย ถ้ารัฐบาลฟุ้งเฟ้อแล้วเราจะฟุ้งเฟ้อตามอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่นะครับ ทุกอย่างอยากให้อยู่พอเพียง ต้องให้คนจะรวย จะโกงมาทำเป็นตัวอย่างก่อนค่อยทำ เราจะรอจนเขาทำหรือครับ จะมีวันนั้นมั้ยครับ และที่คุณเสี่ยวเอ้อบอกมาทั้งหมดน่ะ คุณเสี่ยวเอ้อควบคุมได้มั้ย รัฐบาลเปลี่ยนมาหลายสิบรัฐบาลแล้วมีใครเปลี่ยนได้มั้ย

ส่วนโรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย หากมีชื่อต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก ลูกชาวนาเรียนเก่งมากอยากเป็นหมอ คุณลูกก็ไม่คิดหน่อยหรือว่าจะให้พ่อแม่เอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าเทอมหลายหมื่นบาท แม่ขายปลานิลยังไม่พอค่าเทอมเลยที่แค่ 2 งาน เอ้า..เอาไปจำนองซิ ไอแดงมันจะเรียนหมอ...(ถ้ามันได้เข้าเรียนหมอแล้วมันอยากได้เฟอรารี่ขับไปเรียนหนังสือต้องหาซื้อให้มันด้วยมั้ย หรือเอาให้เด็กมาหน่อยมันเรียนมัธยมอยากได้มอเตอร์ไซค์แพงๆ ไว้ขับไปโรงเรียน ไม่ซื้อให้ไม่ไปเรียนเพราะมันอายเพื่อน เพื่อนมันมีทุกคน จะซื้อให้มันมั้ย)

ทำแบบพอเพียงเราต้องดูลาว เป็นตัวอย่างครับ รัฐต้องไม่นำค่านิยม วัฒนธรรมฟุ้งเฟ้อตะวันตกเข้ามามอมเมาประชาชนให้มีกิเลส คุณเอาข้าวสารไปล่อหน้าไก่แล้วไม่ให้ไก่มันแอบกิน เป็นไปไม่ได้...(ถูกต้องนะคร้าบ เป็นไปไม่ได้ แต่คนนะครับไม่ใช่ไก่ ข้างบ้านมีทีวีจอ 40 นิ้ว ที่บ้านมีแค่ 21 นิ้ว จะขายไปซื้อมั้ย หรือข้างบ้านมีรถเก๋งขับ ที่บ้านมีแค่มอเตอร์ไซค์กับรถไถ จะขายรถไถไปซื้อรถเก๋งมั้ย หรือที่บ้านปลูกบ้านใหม่เป็นบ้านสามชั้น มีสระว่ายน้ำ จะกู้เงินไปทำอย่างเขามั้ย... มันไม่จำเป็นขนาดนั้น)

หากเราชอบแบบเสรีนิยม ก็ ปล่อยมันตามธรรมชาติครับ
หากเราชอบอนุรักษ์นิยม รัฐต้องออกกฏหมายมาบังคับเลย.....
สรุป พอเพียง ดีมาก หากทำกันทั้งประเทศ ทุกสังคม แต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะคนชั้นสูงยังบ้าเพชรอยู่เลย...55555
(ก็เราไม่ใช่พวกคนชั้นสูงมีเงินซื้อเพชรนะครับ แค่มีเงินใช้จ่ายภายในครอบครัวอย่างประหยัดก็พอแล้ว)

ความคิดเห็นที่ 6
ข้าวหนุกงา
18 มิถุนายน 2009
21:01:58
IP : 124.120.210.100
คุณอากิระตอบได้ดีมาก คนจนถ้ามัวคร่ำครวญว่าทำไมจนกว่าคนอื่น ก็คงไม่พ้นจนต่อไป
ถ้าเลิกเทียบตัวกับคนอื่นก็จะเสียเวลาน้อยลง ยิ่งถ้ามัวแต่โทษคนอื่น ยิ่งเสียเวลาที่สุด
หวังพึ่งรัฐบาลไม่ได้หรอก ถ้าเขาให้เงินพร้อมหนี้ ก็ไม่ถือว่าช่วย ใครมีหนี้ถือว่าซวย
ตรวจดูบ้านแต่ละคน มีของที่กินเงินอยู่กี่อย่าง ทีวี ตู้เย็น พัดลม แอร์ เครื่องซักผ้า ผ่อนกันอยู่หรือไม่ แล้วจะเอาไหนมาเหลือ ถ้ามีก็ต้องรู้ประหยัดไม่ใช่ตะบันดูทีวีไป
หรือใช้ไฟเปลืองเกินไป มีแต่จะเพิ่มความขี้เกียจอีกด้วยเพราะมันเพลินไปหมด
แถมมือถืออีกล่ะ มันไม่ใช่ของใช้บังคับ มือถือเติมเงินค่าโทรแพงที่สุดของที่สุด
มันให้ใช้ถูกๆ 3 เดือน 6 เดือน หลังจากนั้นนาทีละ 2-5 บาท ไม่จนได้ไง

ค่าเรียนก็มีเงินมาช่วยแล้ว ถ้าสอนลูกให้รู้จักประมาณตน ก็จะช่วยได้มาก
เด็กนักศึกษาทำไมต้องถือโน้ตบุ๊ค ไม่มีจะตายให้ได้ทำงานไม่ทันเพื่อน ถ้าไม่หาทางพอเพียงแต่ไปวิ่งตามความสบาย ก็จะจนร่ำไป

ถ้าชาวนาทำได้อย่างที่คุณอากิระบอก จะรวยขึ้นมาก
ของกินไม่ต้องซื้อนี่เป็นพรประเสิรฐ เพราะตอนนี้ของกินของใช้แพงบรรลัย
ผักบ้านผักรั้ว รู้มั้ยว่าในห้างกำละกี่สิบ ยาทั้งนั้น ชาวนามียากินฟรีแถมยังขายได้

ค่อยๆอดทนใช้หนี้ แต่ค่อยๆไม่ได้คือสอนลูกหลานให้รู้ประหยัดรู้รักพ่อรักแม่มากๆ
ใจแตกใจเติบ พ่อแม่มีเท่าไหร่ก็เลี้ยงไม่พอ

ความคิดเห็นที่ 7
ชายไร้รัก
18 มิถุนายน 2009
22:20:57
IP : 119.42.79.194
ออกความเห็นบ้างน่ะ ครับ
เพราะคนบางกลุ่มยังมีการแบ่งแยกชนชั้นอยู่ ถ้าประเทศไทยยังมีคนกลุ่มนี้อยุ่ คนจนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เอาง่ายๆเลย ข้าวสาร ลิตร ล่ะ 17 บาท แต่เลย์ที่ทุกคนซื้อมากิน ถุงหนึ่งขั้นต่ำสุด 20 บาท โดยคิดต้นทุนทั้ง 2นั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว หรือ ของที่คุณซื้อให้ลูกคุณกิน หรือเล่นหรือใช้ นั้นราคามากกว่าข้าว ที่ทุกคนกิน คุณเคยคมีความคิดที่จะทำนากันบ้างไหม ครับ พ่อแม่ทุกคนส่งลูกเรียนก็อยากให้ลูกนั้นได้งานดีๆทำ แต่เคยลองย้อมคิดไหมว่า ประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่ทำการเกษตร ใน น้ำมีปลา ในนามีข้าว ราคาปุ๋ยเคยมีใครรู้ไหมว่าต้นทุนมาเท่าไหร่ แล้วใครเป็นผู้ที่กำหนดที่แท้จริง แล้ว วันข้างหน้าประเทศ เราจะมีข้าวกินกันไหม ผมอายุ 35 เพื่อนผมที่อยู่รุ่นเดียวกัน ไม่มีใครทำนากันเป็นเลย แม้แต่คนเดียว ที่ผมพูดมาทั้งหมดนั้น เพียงต้องการให้ทุกคนเห็นใจคนทำนาบ้าง ว่ามันลำบากขนาดไหน แต่คนบางกลุ่มพยายามกดราคาข้าวที่ทำนามาแสนลำบาก แต่ไม่เคยคำนึงเวลา คุณซื้อ เหล้า เบียร์ เลย์ บุหรี่ ขนมต่างๆที่ไม่มีประโยชน์ วันข้างหน้า ประเทศไทย คงได้ชื่อว่เป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมเป็นหลัก ทั้งที่จริงแล้วแล้วประเทศไทยเป็นประเทศแห่งเกษตรกร

ความคิดเห็นที่ 8
ชายไร้รัก
18 มิถุนายน 2009
22:23:21
IP : 119.42.79.194
Photo by :: ชายไร้รัก

นี่แค่ส่วนหนึ่งที่อยากให้ทุกคนเห็นว่า ทำไมคนทำนาถึงได้ลำบาก ดูซ่ะน่ะ คนที่คิดว่าชาวนาถึงเรียกร้องนู้นนี่

ความคิดเห็นที่ 9
อวบแมน
19 มิถุนายน 2009
00:10:27
hope@hp.com
IP : 117.47.44.65
คุณข้าวหนุกงา คิดเหมือนคนในเมือง หรือคนกรุงเทพ บอกให้เขาพอเพียง แต่ตัวเองรอด กินข้าวจานเท่าไหร่ ใส่รองเท้ายี่ห้ออะไร เหรอครับ ดูตัวเองบ้างละยัง ว่าที่เป็นอยู่นั้น ประหยัด

ลูกชาวนาไม่คู่ควร notebook เหอๆ นี่แหละคือสังคมชนชั้น สงสารประเทศไทย

ความคิดเห็นที่ 10
อากิระ
19 มิถุนายน 2009
09:57:20
IP : 117.47.127.79
ตอบคุณอวบแมน
เข้าใจว่าสุดท้ายแล้วคุณก็คงไม่เข้าใจความหมายคำว่า พอเพียง ของพ่อหลวง เพราะคุณคงฟังแต่พอเพียงของรัฐบาล หรือพอเพียงแบบอยากมีอะไรก็ต้องมีเหมือนคนอื่น เพราะถ้ามีไม่เหมือนคนอื่นจะไม่ใช่คน หรือไม่ก็แค่ได้ยินก็มีอารมณ์ไม่พอใจ จนสุดท้ายแล้วยังบอกว่า "ลูกชาวนาไม่คู่ควร notebook เหอๆ นี่แหละคือสังคมชนชั้น" เพื่อน หลานผมเรียนจบมหาวิทยาลัย ได้เกียรตินิยมอันดับสองบ้าง อันดับสามบ้าง บางคนเรียนจบสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ บางคนจบสารสนเทศน์ ส่วนใหญ่เป็นลูกชาวนา และไม่มีใครมีโน้ตบุคตอนเรียนปริญญาซักคน ถ้าหากคิดเอาวัตถุเป็นเครื่องมือแบ่งชนชั้น งั้นชาวนาก็ซื้อเครื่องบินซักลำจอดไว้ข้างบ้านสิครับ คนอื่นจะได้มองว่าเป็นชนชั้นสูง

พอเพียงในแบบของพ่อหลวงน่ะ ดีที่สุดในโลกแล้ว ทำตามที่พ่อหลวงให้แนวทางไว้ ต่อให้เป็นชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน หรืออาชีพไหนๆ เข้าใจ ทำตามได้ก็ไม่จน และมีกิน มีใช้ ปลดหนี้ได้ด้วย

ได้โปรดอย่าคิดแค่หยิบเอาคำ มาตีความหมายให้มันแคบแบบเห็นแก่ความคิดตัวเองเลย ลองค้นหาความหมายดีๆ คำว่า พอเพียง ในหลวง ในอินเตอร์เน็ตมีแนวทางการดำเนินชีวิตให้ปลดหนี้ตั้งเยอะแยะ

ความคิดเห็นที่ 11
เสี่ยวเอ้อ
19 มิถุนายน 2009
11:02:17
IP : 110.169.40.162
ตอบท่าน อากิระ
คือตอนนี้ คนชั้นสูงพยายามกดคนชั้นล่างและถ่าง แก้ป ให้มันกว้างขึ้นโดยเอาคำว่าพอเพียงมาเป็นเครื่องมือครับ คนในเมืองก็บอกว่า อย่าไปตามเขาสิ ปลูกผักหญ้ากินน่ะประหยัด เลี้ยงปลาบ้างเป็นอาหาร เหลือก็ขาย ผมบอกว่า ตลกมากครับ ชนชั้นอื่นไม่ทำแต่ดันบอกให้ชาวนาทำ ผมถึงบอกว่าให้รัฐบาลน่ะเป็นตัวอย่าง ท่านก็บอกว่าบังคับไม่ได้ ทำไมจะไม่ได้ครับหากจะทำ สั่งห้ามขายปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง และเพิ่มปุ๋ยชีวภาพให้มากขึ้น ทำไม่ได้เหรอครับ...ไม่น่าเชื่องั้นผมว่า ลุงชัยข้างบ้านก็เป็น รมต. ได้นะผมว่า ตัวนี้แหละครับที่ทำให้ชาวนามีต้นทุนที่สูงเกินจำเป็น ต้นทุนข้าวเปลือกจะ 20 อยู่แล้วพ่อค้ามากดซื้อที่ 20 แล้วมันจะเหลืออะไรล่ะครับ บริษัท ฝรั่งผลิตมันเทศแผ่นทอด ขายถุงละ20บาทมีปริมาณ100กรัม (1ขีด) ขายทุกซอกทุกซอย ลูกชาวนาอยากกิน ต้องขายข้าวเปลือก 1 กิโล. ไปแลกมา หรือคุณจะบอกว่า ก็ไม่ต้องไปกินตามเขาสิ ไม่กินไม่ซื้อร้านค้าอยู่ไหวมั้ย เจ๊ง....หมู่บ้านนี้หรือทั้งตำบลไม่กินขนม....ผมว่าจะเข้ารกเข้าพงเอานะครับ แล้วรัฐจะเก็บภาษีร้านค้าพวกนี้ยังไงดีล่ะ........
คุณอากิระก็ยังตีความหมายของ พอเพียง ไม่แตกเลย .......... พอเพียงคือ เพียงพอครับ
ขายข้าวปีหนึ่ง 50000 บาท รายจ่ายปีหนึ่ง 40000 บาท เหลือเก็บ 10000 บาท นี่คือพอเพียงครับ ไม่ใช่ไปเที่ยวไล่ห้ามเข้าทำโน่นทำนี่ ซื้อโน้ตบุ้กไม่ได้ มือถือไม่ได้ รถยนต์ไม่ได้ ซื้อทีวีไม่ได้ เค้าไม่มีสิทธิ์เหรอไงครับ
แต่ที่มันมีปัญหาคือ ขายข้าวได้ถูก ไม่พอกับการใช้จ่ายรายวัน ไม่สมดุลย์กัน เพราะอะไรล่ะ
1 ปุ๋ย แพง
2 ยาฆ่าแมลงแพง
3 พ่อค้ากดราคา

ความคิดเห็นที่ 12
เสี่ยวเอ้อ
19 มิถุนายน 2009
12:02:54
IP : 110.169.41.235
ข้าวเปลือกผมให้เกวียนละ 15000 นั่นคือ ก.ก ละ 15 บาท แต่ข้าวถุงที่สีขาย ก.ก ละ 35 บาท ชาวนาทำแทบตาย 15 บาท พ่อค้าเอาไปต่อยอดได้ 35 บาท พ่อค้าซื้อเลย์กินได้ แต่ ชาวนาซื้อไม่ได้ ชาวนาอยากกิน พวกพ่อค้าบอกกินไม่ได้ไม่พอเพียง พ่อค้าซื้อมือถือได้ ชาวนาซื้อมั่ง หาว่าไม่พอเพียง ชาวนาอยากดูหนังในโรงก็ไม่ได้ไม่พอเพียง
มันจะพอได้ไงครับ ก็เล่นกดราคาเขาแบบนี้ ซีพี ขายปุ๋ยขายยาแทบจะเจ้าเดียว รวยเอาๆ ชาวนาไม่ซื้อมาก็ไม่ได้ จะทำแบบเดิมๆเมื่อ3-40ปีก่อนก็ได้ข้าวนิดเดียว ขายไปก็ไม่กี่ตัง เพื่อนบ้านเอาปุ๋ยมาเร่ง ผลิตได้เยอะกว่า ขายได้ตังมากกว่า ก็เอามั่งถามว่ารัฐช่วยเขายังไง......เฉย นู่นตอนมันตกต่ำและปิดถนนนู่น เอาภาษีมารับจำนำราคา
อย่างที่ผมว่าไว้ หมอ รักษาแบบพอเพียงสิ เอาเงินเดือนแบบพอเพียงสิ อย่าเอามาก ค่ายา25 บาท ร.พ เอกชน ดันโขกซะ 1500 (พาราเซทตามอล เม็ดละไม่ถึง25 ส.ต) ไปคลินิกเด็ก ยาหยอดตา 1 หลอด 350 ข้างนอกขาย 50 บาทแต่ต้องไปคลินิกเพราะมีหมอเป็นคนสั่งและตรวจกะมือเอง ทำแบบนี้ได้สังคมมีความสุขมากเลย ชาวนาไม่ต้องห่วงเรื่องการักษา ผ่าตัด 5000 บาท เขาขายข้าว 1 เกวียนก็พอกับค่าหมอแล้ว ทำไมเราไม่ทำกันทั้งสังคม มาสั่งแต่ชาวนาทำ ผมว่าสังคมเราชักจะดัดจริตกันไปใหญ่แล้วครับ....

ความคิดเห็นที่ 13
เสี่ยวเอ้อ
19 มิถุนายน 2009
12:35:07
IP : 110.169.41.235
ตอบคุณ ข้าวหนุกงา
ท่านก็คิดแบบคนเมืองเหมือนกันครับ ท่านบอกว่าไม่ซื้อกินนี่เป็นพรประเสริฐเลย นั่นมันอุดมคติครับ ต้องลืมตาแล้วมอง ความเป็นจริงครับ ไมซื้อไม่ขาย เราก็กำลังจะถอยหลังไปสมัยมนุษย์ถ้ำหรือเปล่าครับ กินวันนี้ก็ไปล่ากวางเอา พรุ่งนี้ไปต่อ เหลือก็รมควันเก็บไว้
มันมีสังคมของมันอยู่ครับ หากแต่ละสังคมไม่เอาเปรียบกัน ก็พอเพียงทั้งสังคมครับ เช่น สังคมหนึ่งปลูกข้าว สังคมหนึ่ง ให้การรักษา(รพ.) สังคมหนึ่งผลิตข้าวมาขายให้อีกสังคมหนึ่ง ถ้าสังคมหนึ่งไปกดราคาข้าวให้ต่ำ แต่ ขึ้นการรักษาให้สูง มันเกิดการไม่สมดุลย์ขึ้นแล้ว
คุณ ข้าวหนุกงา กำลังจะสื่อว่า สังคมปลูกข้าวอย่ามี มือถือสิมันแพงนะ อย่ามีแอร์สิมันแพง ทำไมคุณข้าวหนุกงาไม่บอกว่า เฮ้...เราก็ทำให้ข้าวมันมีราคาสูงพอที่จะซื้อแอร์สิ...คุณกลับเลือกที่จะบอกว่า อย่าซื้อนะมันแพงเกินไปสำหรับสังคมของคุณ ถ้าซื้อคุณจะจน แล้วอย่ามาบ่นว่าจนอีกล่ะ.....
สังคมให้การรักษาขึ้นการรักษาเพื่อรองรับ แอร์ มือถือ รถยนต์ ที่จะซื้อได้เพื่อสนองกิเลสตัวเอง แต่บอกสังคมปลูกข้าวว่าอย่าซื้อเดี๋ยวจะจน
มีหลายๆคนที่คิดแบบนี้...........ไม่ใช่ปรัชญาพอเพียงแน่นอน..
รับฟังทุกความเห็นด้วยความเคารพครับ

ความคิดเห็นที่ 14
อากิระ
19 มิถุนายน 2009
12:37:52
IP : 117.47.127.79
ผมไม่คิดว่าการเจริญรอยตามคำสอนของพ่อหลวงเป็นการกดขี่ชนชั้นล่างนะครับ แล้วก็ การปลูกผัก เลี้ยงปลากินเองประหยัด เป็นเรื่องตลก ชนชั้นอื่นไม่ทำเพราะอะไร เพราะทำไม่เป็น ทำไม่ได้ ทำแล้วขาดทุน เพราะทำเพื่อหวังผลกำไร ผมทำนา พ่อแม่กับน้องผมก็ทำนา และผมทำงานออฟฟิศ ถึงฤดูทำนาผมก็ไปทำ(ที่นาแค่ 10 ไร่ แล้วก็ผมปลูกข้าวผมไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ไม่ฉีดยาฆ่าแมลง ไม่เสริมฮอร์โมน แต่หลังเก็บเกี่ยวจะลงปุ๋ยคอก แล้วก็หว่านถั่วสารพัดถั่วทิ้งไว้แค่นั้นเอง)ปลูกกินเอง ครบรอบปีเก็บเกี่ยวแล้วเหลือก็ขาย เพราะได้ข้าวใหม่ ที่บ้านผมมีบ่อเลี้ยงปลานิล กินบ้างแบ่่งข้างบ้านกินบ้าง ปลูกผักกินเองด้วย ตลกหรือครับ ตอนผมเรียนผมไม่มีโน๊ตบุ๊คใช้ ผมใช้ของมหาวิทยาลัย ไม่ก็ร้านเน็ต จนป่านนี้ผมยังไม่มีโน๊ตบุ๊ค เพื่อนที่ทำงานเป็นครีเอทีฟ เป็นเมเนเจอร์ไดเรคเตอร์ ก็ยังไม่มีโน๊ตบุ๊คเป็นของตัวเอง ใช้ของออฟฟิศ ผมเป็นครูอัตราจ้างสอนโรงเรียนสารพัดช่าง(สอนเฉพาะวันเสาร์) ผมออกจากงานมาเปิดร้านขายของเล็กๆ ยังมีหนี้ติดตัวอีก สองสามแสน อยากถามว่าคุณเสี่ยวเอ้อจะจัดผมเป็นคนชั้นไหน

ถ้าหากบอกว่า พอเพียง = เพียงพอ ... แล้วเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ เป็นชาวนาต้องมีรถเกี่ยวข้าวเป็นของตัวเองมั้ย ต้องมีโรงสีข้าวเป็นของตัวเองมั้ย ต้องมีรถหลายคันมั้ย ต้องมีโน๊ตบุ๊ค ทีวีพลาสม่า ไมโครเวฟ แอร์เบอร์ห้า สระว่ายน้ำส่วนตัว คนขับรถส่วนตัวมั้ย เพียงพอหรือยัง

พอเพียง ที่ผมตีความไม่แตกเพราะผมคิดว่าผมพอเพียงกับการดำเนินชีวิต มีกิน มีใช้ มีใช้หนี้ ใช้จ่ายเฉพาะที่จำเป็น จำเป็นจริงๆ เท่านั้น ไม่ได้ต้องการมีบ้านหลังโต มีรถเก๋งอีกคัน ทีวีหลังใหญ่ ไมโครเวฟก็ยังไม่มี แอร์ก็ยังไม่มี แค่พัดลมตัวเดียวเหลือเฟือ เพราะเงินหายาก จ่ายง่าย จ่ายแล้วจ่ายเลย ยากที่จะจ่ายแล้วจะได้คืน ขนาดซื้อน้ำแข็งเซเว่น ถุงแตกยังต้องจ่ายเลย

ความคิดเห็นที่ 15
General Man
19 มิถุนายน 2009
21:39:09
IP : 117.47.121.102
Photo by :: General Man

ทำผสมผสานกันก็ได้ ถ้ามีความสามารถ ทำเกษตรกรรมธรรมชาติ ทำการค้าไปด้วย ฐานชีวิตจะแน่น ที่สำคัญลดมิจฉาทิฏฐิ ดำเนินชีวิตตามธรรมนองคลองธรรม มีความรักต่อเพื่อนร่วมโลก ชีวิตที่ดีต้องมั่นคงทั้งเศรษฐกิจ และสังคม ประเทศไทยเป็นเกษตรกรรม น่าจะทำให้คุณภาพในการผลิตสูงขึ้น ใช้ประโยชน์จากผืนดินให้คุ้มค่าที่สุด การทำเกษตรผสมผสานคือพื้นฐานที่ดีที่สุด แต่ต้องไม่บริโภคเกินขอบเขต อยู่อย่างสอดคล้องกับธรรมชาติ ไปอย่างสงบตามธรรมชาติ จะร่มเย็นทั้งตัวเองและสังคม ทุกเรื่องสร้างให้ดีได้ ถ้ามีธรรมะในใจ อันนี้ของแท้แน่นอน คอนเฟิร์ม

ความคิดเห็นที่ 16
General Man
19 มิถุนายน 2009
21:44:25
IP : 117.47.121.102
Photo by :: General Man

หรืออ่านเรื่องผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม หรือ หนังสือ ปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียวของ ฟูกูโอกะ ก็จะได้ความเข้าใจพอควร

ความคิดเห็นที่ 17
คน
19 มิถุนายน 2009
21:58:21
IP : 117.47.121.102
Photo by :: คน

อันนี้ดี

ความคิดเห็นที่ 18
bm5996
19 มิถุนายน 2009
23:55:40
IP : 222.123.22.176
คิดหน่ะง่ายครับ....ลองมาทำสิ....ยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้....

ความคิดเห็นที่ 19
โนบุ
20 มิถุนายน 2009
02:52:44
IP : 117.47.228.40
ทำนาบ้างอะไรบ้าง

กินบ้างขายบ้าง ชีวิต คนเรา

ไม่คิดว่าเป็นเวรกรรมที่เราทำ มาแล้วต้องชดใช้หรอ

ทำอะไรไว้ ก้อต้องมาชดใช้กันชาติ นี้

ว่าแล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำต่อไป สู้ๆๆๆๆๆ

ความคิดเห็นที่ 20
เสี่ยวเอ้อ
20 มิถุนายน 2009
11:19:37
IP : 110.169.40.197
โอ ท่าน อากิระ ครับ ที่ตลกไม่ได้หมายถึง ว่า ท่านทำแบบนี้แล้วผมตลกนะ ผมชื่นชมท่านมากๆเลย แต่ที่ตลกคือ เราพอเพียงแบบท่าน แต่อีกชนชั้นกำลังเอาเปรียบเราด้วยการ มีสินค้า และ บริการ ที่แพงเกินไปไม่สอดคล้องกับรายได้ของเรา เช่น กว่าเราจะปลูกข้าวมาใช้เวลาเยอะมาก เอาใจใส่ ค่าปุ๋ย ยา ค่าแรงเก็บเกี่ยว แต่เวลาเอามาขายกลับมีค่าเพียงนิดเดียวเมื่อเทียบกับอีกบริการหนึ่งของชนชั้นหนึ่ง ทำให้ชาวนาอยู่แบบเดิมๆไม่ได้ ง่ายๆเลย เจ็บป่วยค่าหมอ เนี่ยแหละตัวโขกเลย ทั้งๆที่เป็นค่าบริการ เช่นค่าแพทย์ตรวจ ค่าห้อง มันไม่ต้องลงทุนมากเลยแต่กลับมีมูลค่ามากกว่า ข้าวที่ใช้เวลาและแรงงาน เกือบปี.....ปัญหาคือ ทำยังไงให้ข้าวมันมีมูลค่าสูงขึ้นกว่านี้ และ ทำยังไงให้ สินค้าและบริการอื่นๆลดลงมาให้ทุกๆฝ่ายอยู่กันได้อย่างมีความสุข......นี่ต่างหากครับที่พ่อหลวงเราอยากจะเห็น ไม่ใช่ไล่ให้ชาวนาไปปลูกผักหญ้าเลี้ยงปลาฝ่ายเดียวแล้วจะมีความสุขและมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ โดยที่ข้าวของชนิดอื่นก็โขกสับเอาตามชอบใจ....
ยกตัวอย่าง ยาหยอดตาเด็กครับ 350 บาท ได้มา 10 ซีซี (ในคลินิค) เท่ากับขายข้าวเปลือก 24 กิโล และข้าวสารเท่ากับ 10 กิโล ถึงจะมีปัญญาซื้อ.......
ที่ผมบอกว่า รัฐบาลต้องทำเป็นตัวอย่างคือ ลำพังเอกชนแค่รายสองราย ไม่สามารถพลิกประเทศได้ครับ ต้องจริงจังทั้งประเทศ (เคยแอบดีใจกับ รบ. สุรยุทธ์ แว้บนึง ต่อมาก็ไม่มีน้ำยาจริงๆ ขนาดประกาศว่าเราจะพอเพียงออกทีวีวันละ 3 เวลา)....
สรุป ตราบใดที่ชาวนาทำเหมือนท่านซึ่งเป็นพื้นฐานของเขาอยู่แล้ว ทำอยู่ฝ่ายเดียว ไม่สามารถแก้ปัญหาได้แม้จะกินปลาที่เลี้ยงเองทั้งปีก็ตาม แม้จะใช้ควายไถนาเองก็ตาม แม้จะเกี่ยวข้าวเองก็ตาม....มองความจริงเถอะครับ

ความคิดเห็นที่ 21
แพร
20 มิถุนายน 2009
11:21:28
IP : 58.147.45.62
คิดดีๆนะคะ ถ้าไม่มีชาวนาเราก้อจะไม่มีข้าวกิน

โปรดให้เกียรตฺชาวนา แล้วข้าวทุกเม็ดที่คุณกินด้วย

ความคิดเห็นที่ 22
นายช่างใหญ่
20 มิถุนายน 2009
14:50:45
IP : 117.47.40.186
เอากับเขาหน่อยมาช้าดีกว่าไม่มา มาบ่นทำไมครับว่าชาวนาทำไมจนจัง ทำงานแสนหนักและยากลำบาก ก็เพราะท่านคือชาวนาไง ก็เลือกแล้วนี่ครับว่าจะเป็นชาวนาแล้วถ้าอยากอยู่สุขบายเหมือนหมอ เหมือนนักธุระกิจต่างๆ ก็แล้วทำไมไม่ไปเป็นละครับ ก็เพระว่าเป็นไม่ได้ เราทุกคนล้วนแล้วแต่มีหน้าที่ที่ตนเองต้องทำ เราต้องเข้าใจในรูปแบบของชีวิตของตนเองซิครับ ส่วนจะหวังให้รัฐบาลมาช่วยนั้นคงอยากครับ เพราะเขาจะช่วยโดยภาพรวม ไม่ใช่รายบุคคล ดังนั้นเราต้องช่วยตนเองก่อน จะถามว่าอยากใช้ทีวีจอใหญ่ไม่ได้เหรอ อยากมีไมโครเวฟไม่ได้เหรอ มีได้ครับทำไมจะมีไม่ได้ แล้วจะมาบ่านทำไมว่าเป็นหนี้ ก็มีแล้วมันสมฐานนะตัวเองหรือเปล่า ผมว่าปัญหาของชาวนาเดี๋ยวนี้มันเป็นเรื่องที่ว่าคนส่วนใหญ่ขี้เกียจขึ้นเมื่อก่อนเคยทำยังไงไม่ทำอย่างนั้น เคยไถกลบ ก็มาเผาซะนี่ พอเผา ดินก็ไม่ดี เลยต้องไปซื้อปุ๋ยมาใส่ แล้วเอาเงินจากไหน กู้มา แล้วผลผลิตไม่ดีขายออกมาขาดทุน ฝากหนี้ไว้ ปีหน้า ก็ทำเหมือนเดิม หนี้ทบกับปีที่แล้ว ปีต่อไปเอาอีก ลองคิดทบทวนให้ดีเริ่มแก้ที่จุดเริ่มต้น เรื่องเศรฐกิจพอเพียงเหมือนท่านแรกเลยครับ ผมว่าจะเอาไปทำที่บ้านเหมือนกัน

ความคิดเห็นที่ 23
หล่อเชียงราย
20 มิถุนายน 2009
16:25:42
handsome@cr.com
IP : 117.47.44.65
อย่ามาสอนเรื่องพอเพียงกะผมเลยครับ เพราะว่ามันทำยาก เห็นรัฐบาล เอาเยาวชนไปไถนา ตอน คมช ครองประเทศ เห็นแล้วมันงี่เง่าอะครับ นายช่างใญ่บอกว่า คุณเลือกเองที่เป็นชาวนา เป็นคำพูดที่ผมไม่อยากเชื่อว่าจะออกจากปากผู้ใหญ่ การที่ท่านคิดแบบนี้ ตัวท่านเองก็จยปัญญา จ่ายภาษี จ่ายค่าน้ำมันต่อไปละกัน ภาษาปะกิดเขาเรียกท่านว่า ignorant man

รัฐบาลพึ่งได้แน่นอน มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ถามว่า ที่ผ่านมา กดราคาชาวนา แล้วส่งออกแพง ไม่เคยมีไครเปิดโปงราคาข้าว และวงการอุบาว์ทนี้เลย ผมรู้มานานแล้ว เพราะติดต่อ กะ capital rice มาตลอด การเปิดโปงนี่แหละคือกุญแจไปสู่ความสว่าง

ความจริงสินค้ามีราคา แต่นักการเมืองชนชั้นสูง ทำเป็นไม่รู้ มุขเดิม กดเขาไว้ก่อน ทักษินส่งลูกชาวนาเรียนนอกมาแล้ว ทำได้ notebook ของดี ใช้งานได้ ของใหม่ ราคายังกะขี้ มีขายแล้ว india ทำได้ มันขึ้นอยู่กะสังคมโดยรวม ว่าจะร่วมมือกันเปลี่ยนหรือปล่าว ขึ้นอยู่กะพวกเราทุกคน มีกึ๋นไปต่อรองหรือไม่

คิดให้ลึกเหมืองคุณเสี่ยวเอ้อ อย่าโดนเอาคำว่าพอเพียงมาหลอกเราใช้ อายเขาครับ


ความคิดเห็นที่ 24
้หล่อเชียงราย
20 มิถุนายน 2009
16:33:53
handsome@cr.com
IP : 117.47.44.65
อย่ามาอ้างเลยครับ ไครได้เกียรตินิยมโดยไม่ต้องใช้ notebook
ผมก็พูดได้ว่า เดินจากเชียงราย ไป กทม ค่อยๆเดิน เดี๋ยวก็ถึง
ทั้งๆที่ มีรถยนต์ให้ขับไปใช้เวลาคืนเดียว
(ผมเปรียบรถทัวร์ กะ notebook นะ ความสะดวกมันมี)

อยากพอเพียงมากนัก ใหนลองบริจาคบ้านคุณให้การกุศล แล้วมาทำนาซิ

ญี่ปุ่นจ่าย welfare แก่ประชากรคนแก่ตั้งแต่ 65 ขึ้น 75,000 ต่อเดือน บ้านเรา 500 บาท แถมเรียกเบี้ยกตัญญู ก็พอเพียงกันต่อไปครับ อีกหน่อยเจ็บป่วย ก็ขายนาแลกชีวิตเหมือนเดิมครับ

ความคิดเห็นที่ 25
หล่อเชียงราย
20 มิถุนายน 2009
16:38:36
handsome@cr.com
IP : 117.47.44.65
(แก้ไข ข้อความ 24 รถทัวร์เปลี่ยนเป็นรถยนต์นะ)

ระบบการศึกษาเปลี่ยนง่ายมาก แต่หารู้ไม่ว่า เขาอยากให้คนจนๆ ปกครองง่ายๆ เป็นแรงงาน เป็นชาวนา gap มันเลยต่างกันมาก

ความคิดเห็นที่ 26
เสี่ยวเอ้อ
21 มิถุนายน 2009
12:23:21
IP : 110.169.41.134
55555555 ขำครับ
อยากเป็นชาวนาเองนี่นา ทำไมไม่ไปเป็นหมอล่ะ.......ตอบไม่ถูกครับ อึ้ง
ผมว่า ไม่ต้องมีแล้วมั้ง รัฐบาล เพราะไม่ช่วยอะไรเลย คนทั่วโลกกินข้าว แต่คนผลิตข้าว จนติดดิน
คนทั่วโลกใช้น้ำมัน แต่ผู้ผลิตน้ำมัน รวยล้นฟ้า ทำไมมันไม่ทำให้มันคล้ายๆกันล่ะครับ น้ำมันรวยเพราะเขามีกลุ่มโอเปก กำหนดการผลิต ราคา ได้ แต่เราโดนกดราคาแล้วไปสร้างความร่ำรวยให้นายทุน ทักษิณทำยางพาราได้ผลมาแล้วครับ จาก 30 กว่าบาทขึ้นมา 100 ทำไมทำได้ เพราะเขาตัดพ่อค้าคนกลางออกไป.....
หาทางช่วยจนสุดปัญญาก่อนครับ แล้วถึงมากระแทกว่าเลือกเป็นชาวนาเอง จ้างรถเกี่ยวทำไม จ้างปลูกทำไม มันต้นทุนสูงนะ เป็นหนี้อีก ทำไมไม่ไถกลบ คราด โดยใช้เจ้าทุยล่ะ เผาทำไมดินมันเสีย ปุ๋ยคอกน่ะดีจะตายใส่เข้าไป
ผมถามว่า หากทำแบบนี้แล้วข้าวจะกิโลละ100 หรือเปล่า ก็ไม่ใช่ ปัญหาคือ ราคามันต่ำ ต้องปลูกให้เยอะเพื่อที่จะได้เงินพอเพียงกับรายจ่าย เมื่อปลูกเยอะจะมัวมาทำแบบเดิมก็ตายเสียก่อนสิครับ ที่ต้องการได้คือ ลดราคาบริการชนิดอื่นลงมาให้มันสอดคล้องกับราคาข้าว ไม่ใช่ไปพูดว่า เปลี่ยนมาเป็นหมอสิแล้วจะมีเงินเยอะขึ้น.......ตอบเหมือน มาร์ก เลย เขาถามว่า รัฐบาลจะอยู่จนถึงตุลาไหมเพื่อจัดประชุมอาเซี่ยน มาร์ก ตอบว่า เชื่อว่าประเทศไทยอยู่ถึงและจัดประชุมได้แน่นอน .........
มองได้ 2 แบบ คือ ไม่แน่ใจว่ารบ. จะอยู่ถึงไหม กับ แน่ใจว่า รบ. อยู่ไม่ถึงแน่นอน แต่ประเทศไทยต้องมีอยู่(ซึ่งก็แน่อยู่แล้ว)

ความคิดเห็นที่ 27
อากิระ
21 มิถุนายน 2009
12:24:50
IP : 117.47.127.79
คุณหล่อเชียงรายรู้มั้ยครับว่าญี่ปุ่น ออสเตรเลีย กับฝรั่งเศส ออกค่ารักษาพยาบาลให้กับประชาชนเขาครึ่งนึง เบี้ยผู้สูงอายุมากกว่าหรือพอๆ กับเงินเกษียนอายุข้าราชการซีแปดบ้านเรา แล้วรู้ไหมครับว่าเขาเสียภาษีมูลค่าเพิ่มกี่เปอร์เซ็นต์

ความคิดเห็นที่ 28
หล่อเชียงราย
22 มิถุนายน 2009
15:50:23
handsome@cr.com
IP : 117.47.124.177
เอ... คุณอากิระ ผมก็ไม่เคยไปญี่ปุ่น กะออสเตเรีย กะฝรั่งเศษนะ รู้เพียงแต่ว่า บ้านเขามีรายได้ต่อหัวสูง และพวกเขาสามารถซื้อประกันสุขภาพและชีวิต และมันคุ้มกะลาหัวพวกเขาจนอยู่รอดได้ และรัฐบาลพวกเขา มีสวัสดิการช่วยเหลือประชากรอย่างเต็มที่ ที่ทราบมาช่วงนี้ก็มี japan ที่ส่งให้ประชาชนเรียนเพิ่มเติมและรัฐบาลช่วยเรื่องค่าเรียน ในด้านสาขาดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งขาดแคลน และมีงานรองรับ ดูเหมือนไทยจะก๊อปมาเป็น ต้นกล้าอาชีพ

อ่านข้อความคุณแล้ว คุณก็น่าจะมีประสพการณ์เยอะนะ แต่ค่อนค่างถอยหลังลงคลองไปหน่อย ให้เดา ชอบใส่เต่วโย้ง เสื้อหม้อฮ่อม รักธรรมชาติ

ความคิดเห็นที่ 29
อากิระ
23 มิถุนายน 2009
03:26:26
IP : 222.123.213.31
"อย่ามาอ้างเลย ไครได้เกียรตินิยมโดยไม่ต้องใช้ notebook"
เครื่องคอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยทั่วประเทศใช้ได้ฟรีครับ
"ผมก็พูดได้ว่า เดินจากเชียงราย ไป กทม ค่อยๆเดิน เดี๋ยวก็ถึงทั้งๆที่ มีรถยนต์ให้ขับไปใช้เวลาคืนเดียว(ผมเปรียบรถทัวร์ กะ notebook นะ ความสะดวกมันมี)"
แล้วความสะดวกมันต้องแลกมาด้วยรายจ่ายที่มากขึ้นไหมครับ
"อยากพอเพียงมากนัก ใหนลองบริจาคบ้านคุณให้การกุศล แล้วมาทำนาซิ"
ผมพอเพียงในการใช้ชีวิตอยู่แล้ว ผมก็ทำนาอยู่แล้วปีละครั้ง ถึงทำได้มากกว่าปีละครั้งผมก็คงทำไม่เกินปีละสองครั้ง แค่ปีละครั้งก็มีข้าวพอกินตลอดปีแล้ว แล้วถ้าไม่นับบ้านพ่อผมเป็นของผม ตอนนี้ผมก็ไม่มีบ้านเป็นของตัวเองครับ คงบริจาคให้ไม่ได้แล้วก็คำกระแนะกระแหนแบบนี้ อยากให้คุณไปพูดให้พ่อของแผ่นดินได้ยินจังเลยครับ

นิดนึงในส่วนของคุณเสี่ยวเอ้อ บอกว่าต้องการเงินมากขึ้นก็ต้องทำมากขึ้นถูกต้องครับ แต่ผลที่ตามมาคือถูกกดราคามากกว่าเดิมครับ เพราะพ่อค้าหรือโรงสีเลือกได้ที่จะไม่ซื้อข้าวกับเรา(วันนี้ หรือพรุ่งนี้ อาจซื้อวันหลัง) ถ้าเราไม่ขายในราคาที่เขาต้องการ ส่วนที่เขาเอามากดราคารับซื้อข้าวชาวนาคือเปอร์เซ็นต์ความชื้น ของข้าวที่ชาวนาเอามาขาย ชื้นมากถ้าอยากขายก็ต้องถูกกดราคามาก ที่สุพรรณบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อยุธยา ชาวนาบ่นกันทุกรายเรื่องนี้รัฐบาล(ก่อนนี้)บอกรับที่ตันละ 11000-12000 บาท แต่ชาวนาส่วนใหญ่ขายได้แค่ตันละไม่เกิน 10000 บาทครับ เพราะหักไอ้ค่าความชื้นนี่แหละ ผมจะยกตัวอย่างของคนบ้านผมที่อิสานเรื่องมันสำปะหลังนิดนึง มีปีนึงมันสำปะหลังราคาดี กิโลละ 75 สตางค์ หลังจากเก็บเกี่ยวเสร็จก็รีบไถปลูกมันเหมือนเดิม คราวนี้ใส่ปุ๋ย กับดายหญ้าบ่อยกว่าเดิม (ค่าปุ๋ยกับค่าดายหญ้าก็ต้องจ่ายมากขึ้น) จากรอบที่แล้วทำสิบไร่ รอบนี้ทำมากกว่าเดิมหวังจะได้เยอะมากกว่าเดิม เลยทำซะ 30 ไร่ ค่าใช้จ่ายคูณสาม ดูเหมือนจะไปได้ดี แต่ทุกคนคิดและทำเหมือนกันหมด แม้แต่คนปลูกอ้อยก็หันมาปลูกมันสำปะหลัง ปีต่อมามันสำปะหลังล้นตลาดเหลือกิโลละ 25 สตางค์ ลานมันก็รับไม่ไหว ไม่มีที่เก็บ โรงแป้งก็หยุดการผลิต เพราะสินค้าค้างสต้อกของปีที่แล้วยังระบายไม่หมด บางคนไม่ได้ขาย... บางคนต้องเอาไปขายต่างจังหวัด(ค่าจ้างรถขน ค่าน้ำมัน ค่าคนขับ) แต่ก็ขายได้กิโลละ 25 สตางค์ ส่วนสินค้าเกษตรราคาดีคือ อ้อย ครับ ปีต่อมาคนก็หันไปปลูกอ้อย มันก็วนอยู่อย่างนี้แหละ ตั้งแต่ผมเกิดมามันก็เป็นอย่างนี้ ตอนนี้ข้าวก็จะเป็นเหมือนกัน แต่ข้าวไม่มีวันล้นตลาด แล้วก็ไม่มีวันขายได้ราคาดีไปกว่านี้เท่าไหร่ ก๋วยเตี๋ยว กับอาหารตามสั่งขึ้นชามละห้าบาทก็โวยวายแทบแย่ ข้าวขึ้นราคาไปอีกกิโลละสิบบาท... ไม่อยากคิด

ผมรักธรรมชาติครับ หลังจากรักป่าคอนกรีตอยู่หลายปีดีดัก ถึงจะมีเวลาออกสู่ท้องไร่ท้องนาปีละครั้ง มันก็ไม่ทำให้ผมมีเงินมากขึ้น นอกจากค่าใช้จ่ายส่วนตัวและครอบครัวแล้วก็ยังมีภาษีสังคมอีกหลายตังค์ ผมมีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่น และก็มีเพื่อนที่ไปเรียน และทำงานที่ออสเตรเลีย เค้ามีรายได้ต่อหัวสูงมากเมื่อเทียบกับเงินในบ้านเรา แต่ว่าราคาสินค้าอุปโภคบริโภคบ้านเขาก็สูงมากด้วย ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ถึงอยากมาอยู่เมืองไทย อย่างเงินเยน แต่ก่อน 100 เยนต่อ 1 บาท เดี๋ยวนี้ 100 เยนต่อ ประมาณ 60 กว่าบาท แต่เงิน 100 เยนไม่พอแม้แต่ซื้อเลย์ถุงนึง ข้าวมะลิบ้านเราซื้อกินที่โล 30 บาท ที่ญี่ปุ่นโล 600 นะครับ ที่ออสเตรเลีย รถที่ขับเกินความเร็วที่กำหนด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงถ้าถูกจับได้จะเสียค่าปรับประมาณ 350-500 เหรียญ ไม่ค่าปล่อยตัวเป็นใบแดงๆ เหมือนบ้านเราด้วยนะ บ้านเขาเบอร์เกอร์ชิ้นนึงอย่างถูกๆ เลย ราคาประมาณ 10-15 เหรียญ แต่ถ้าจะให้ได้อย่างที่บ้านเรากินก็ต้องจ่ายถึง 60 เหรียญขึ้นไป บ้านเราอย่างแพงเลย 120 บาท ถ้าหากเทียบค่าอาหารการกินแล้ว เงินที่เขาจ่ายเพื่อกินเพื่ออยู่ที่บ้านเขา ต้องเสียภาษีให้รัฐเยอะมาก ถ้าหากบ้านเราอยากได้แล้วต้องจ่ายภาษีเยอะขึ้นมากๆ แล้วได้รับบริการที่ดีกว่าเดิม อะไรก็ดีกว่าเดิมเอามั้ย ส่วนใหญ่น่าจะบอกว่าไม่เอา ผมก็ไม่เอา อยู่อย่างบ้านเราดีกว่า ไม่กินเลย์ก็ได้ มันฝรั่งบ้านเรากิโลสิบกว่าบาท ซื้อมาทอดเสร็จโรยผงมาม่า อร่อยกว่าเลย์อีก ถึงจะถอยหลังลงคลอง ก็ขอลงอย่างมีความสุข ดีกว่า ความจนความรวยไม่ได้วัดกันที่เฟอร์นิเจอร์นะครับ ลุงผมมีบ้านไม้ชั้นเดียวหลังเล็กๆ มีที่ยี่สิบกว่าไร่ ทำนา ทำสวน เลี้ยงปลาตามประสาคนแก่ แต่ไม่มีหนี้ ผมมีรถ มีมือถือ มีคอมพิวเตอร์รวมๆ กันหลายเครื่องแล้วแสนกว่า ตู้เย็น พัดลมอีกสามตัว เครื่องมือหากินในร้าน แล้วก็หนี้อีกสองสามแสน ใครรวยกว่ากันครับ

ถ้าหากต้องการบริการที่ดี ก็ต้องจ่ายแพงขึ้น เอามั้ย หรือพูดให้สวยงามแบบโรงพยาบาลเอกชนต้องบอกว่า เพียงท่านจ่ายมากกว่าเดิมอีกนิดท่านก็จะได้รับการเอาใจใส่เสมือนท่านเป็นคนในครอบครัวของเรา...

ไม่ต้องมองไปถึงรัฐบาลหรอกครับ เอาแค่ใกล้ๆ ตัว ขึ้นรถทัวร์แบบธรรมดา แบบปรับอากาศชั้นหนึ่ง แบบวีไอพี ราคาก็ไม่เหมือนกัน วิ่งก็ไปทางเดียวกัน จอดท่าเดียวกัน เราเลือกแบบไหน เราจ่ายมากขึ้นเขาก็ให้เรามากขึ้น เราจ่ายน้อยเราก็ได้แค่ถึงจุดหมาย ดีไม่ดี ไม่พอใจเรามันไล่ลงกลางทางอีก รถแดงสายสกล กับอุดร มีข่าวบ่อย เดี๋ยวนี้ก็ยังมี เจอแบบนี้เราไม่พอใจเราร้องเรียนได้ไหม ร้องเรียนได้ครับ แล้วเกิดอะไรขึ้นไหม ไม่เลย ส่วนใหญ่หายไปกับสายลม แสงแดด กับคำว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ

เรื่องต้นกล้าอาชีพบอกว่าพี่ไทยก๊อปมาน่ะ ไม่เถียงหรอกครับ มีโครงการก่อนหน้านั้นอีกที่ก๊อปปี้มา โอท๊อปไงครับ ญี่ปุ่นทำโครงการนี้มาตั้งหลายสิบปี ส่งสินค้าที่ทำจากไม้สนภูเขาไปขายประเทศต่างๆ เป็นสิบปีแล้ว มีก่อนหน้านั้นอีกนะ โครงการปุ๋ยชีวะภาพ หรือ EM อันนี้ เกือบ 20 กว่าปีแล้วครับ แล้วก็น้ำส้มควันไม้ อันนี้มีมาไล่ๆ กับ EM

โครงการพวกนี้ เกษตรตำบล อำเภอ จังหวัด หรือคนทีอยู่ในแวดลงเกษตร จะบอกว่าไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยิน ก็คงเรียกได้ว่า งมโข่งมากๆ แต่ทำไมถึงไม่มีใครนำมาใช้จนกระทั่งเกิดปัญหาปุ๋ยแพง ถึงได้เรียกหาปุ๋ยอินทรี ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพ แล้วพอมาเริ่มใช้พวกนี้มันก็ไม่เห็นผลทันทีเหมือนปุ๋ยเคมี ก็บอกว่ามันไม่ได้ผล คนที่ใช้มาหลายปีก็บอกว่าได้ผลดี ดินไม่เสีย แล้วจะคุณจะเชื่อใคร ปุ๋ยพวกนี้มันต้องใช้เวลา สามปีขึ้นใปในการปรับสภาพดินให้ดี พอดินดีต่อให้คุณไม่ไถคุณก็หว่านข้าวกล้าได้ถ้ามีน้ำพอ กรมวิชาการเกษตรก็พึ่งมาขมีขมันให้รักษาดิน ให้ทำเกษตรผสมผสานตอนที่ในหลวงย้ำว่าต้องทำ เพราะทำแล้วลดรายจ่าย แล้วจะเหลือสร้างรายได้ ไม่เชื่อผมก็เชื่อในหลวงเถอะครับ

หลวงพ่อพุทธทาสกล่าวไว้ว่า "อย่า อยู่ อย่าง อยาก"

พระพุทธเจ้าสอนว่า "ให้อยู่อย่างสันโดษ"

ตีความให้ตรงกับที่ท่านสอนได้มั้ยครับ ง่าย และ ยาก ไม่ต่างจาก "พอเพียง" เท่าไหร่หรอก

ความคิดเห็นที่ 30
หล่อเชียงราย
23 มิถุนายน 2009
12:51:27
handsome@cr.com
IP : 222.123.213.126
ออ โจมตี otop ว่าก๊อปเขามา แต่อย่าลืม otop เขาทำสำเร็จ แต่ต้นกล้าอาชีพ ล้มเหลวนะครับ

พระพุทธเจ้าสอนให้สมเหตุสมผล

บอกเอาบุญ ผมทำงานร่วมกับรัฐบาลญี่ปุ่น และรัฐบาลไทย กำลังพัฒนาระบบสวัสดิการสังคมให้ได้มาตรฐาน

ความคิดเห็นที่ 31
ชายไร้รัก
23 มิถุนายน 2009
15:38:36
IP : 119.42.78.252
อีกไม่นาน คนไทยจะได้กินข้าวแพงแล้ว เพราะ คนไทยจะไม่มีคนทำนา แล้วข้าว ก็จะนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ทีนี้ ก็จะได้กินข้าวที่แพงหูฉี่กันถ้วนหน้า อิอิ แต่บ้านผมไม่ซื้อข้าวกิน ปลูกเองกินเอง ไม่ขายใคร ไม่ให้ใครมาดูถูกชาวนาได้ ว่าไม่พอเพียง

ความคิดเห็นที่ 32
อากิระ
23 มิถุนายน 2009
17:20:56
IP : 222.123.215.253
ผมเปล่าโจมตีโอท้อปครับ ผมเห็นด้วยที่นำมาใช้ในบ้านเรา ซึ่งมันน่าจะทำ น่าจะส่งเสริมกันตั้งนานแล้ว อย่าอคตินักสิครับ ผมออกความเห็นผมไม่ได้ให้ร้ายอะไรกับโครงการที่เอามาทำแล้วมันดีต่อคนส่วนรวมเลยนะ โครงการอะไรก็แล้วแต่ถ้ามันทำให้คนมีรายได้มากขึ้น โดยไม่เอารัดเอาเปรียบสังคม ถึงมันจะมาจากรัฐบาลดีหรือเลว หรือเลวมาก ผมก็เห็นดีด้วย มีข้อความไหนที่ผมคัดค้านบ้างครับ ต้นกล้าอาชีพก็ดี อย่างน้อยก็ดีตรงที่คนที่ไปเข้าอบรมมีความรู้ในการประกอบอาชีพอื่นที่ตัวเองสนใจ อยากทำ ทำได้ มีโอกาสเลือกได้นอกจากทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ปรกติแล้วหลายสาขาต้องไปเสียค่าเรียนแพง อย่างสอนทำธุรกิจกาแฟค่าอบรมก็ 5-6000 บาท นี่ให้เรียนฟรี อาจไม่ได้มีความหมายสำหรับคุณ แต่ก็มีความหมายสำหรับคนที่ไม่มีทางไป อย่างน้อยก็มีความรู้ ทำเป็นขึ้นมาอีกอย่างนึง

ขอบคุณที่บอกครับ ในฐานะที่เป็นคนใกล้ชิดโครงการ พอจะมีแนวโน้ม หรือความเป็นไปได้มั้ยว่า จะทำให้มันได้มาตรฐานเดียวกับญี่ปุ่นโดยที่ไม่ใช้เงินสนับสนุนจากรัฐบาล หรือไม่ต้องเรียกเก็บเงินสะสมจากสมาชิก หรือเงินประกันสังคมเพิ่มจากปัจุบัน อีกอย่างผมพึ่งได้ยินข่าวว่ารัฐบาลลดยอดเรียกเก็บเงินประกันสังคมลง อันนี้ดีหรือไม่ดี มีผลต่อการดำเนินโครงการของคุณมั้ยครับ

ความคิดเห็นที่ 33
เสี่ยวเอ้อ
23 มิถุนายน 2009
19:16:52
IP : 110.169.41.108
ขอใช้สิทธิ์พาดพิงครับ ท่านประธาน
ขอเรียนว่าที่ผมบอกว่า เมื่อราคาถูกก็ต้องปลูกให้เยอะ ไม่ได้หมายถึงไปส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะๆแต่กำลังจะสื่อว่า มันเป็นไฟต์บังคับที่ชาวนาต้องทำเยอะๆ ไม่งั้นเค้าไม่พอใช้จ่าย เมื่อก่อนทำนา 5-6ไร่ พอกินทั้งปี มีความสุขดี เดี๋ยวนี้ไม่ได้ครับต้อง 20 ไร่ขึ้นถ้าจะให้มันเท่าเดิม เมื่อทำ 20 ไร่ก็ต้องจ้างจะมาหวังการลงแขกอย่างเดียวไม่ได้แน่ๆครับ หากใครทำไม่ถึง 20 ไร่ก็ต้องทำอย่างอื่นเพื่อมาเติมรายได้ ญี่ปุ่นหรือประเทศที่เจริญทั้งหลายเค้าใช้นโยบาย สองสูงไงครับ สินค้าสูง ค่าแรงสูง ค่าแรงคนที่เรียนมาสูงทำงานใช้สมองต้องได้เยอะๆ และขณะเดียวกัน เกษตรกรที่ปลูกพืชเกษตรเลี้ยงคนพวกนี้ก็ต้องขายได้ราคาสูงๆด้วย มันถึงจะสมดุลย์กัน แก็บ หรือ ช่องว่างคนเมืองกับคนชนบท ไม่ห่างกันมาก การบริการต่างๆก็สมเหตุสมผลกับรายได้ของประชากรทุกระดับ เว้นแต่พวก อัครมหาเศรษฐี ที่ต้องการจ่ายแพงๆ นั่นอีกเรื่องหนึ่ง...
ขอบคุณท่านประธาน ครับ
ดีใจที่ได้เสวนากับ ท่านทั้งสอง มีที่ให้แสดงออกน้อยครับในสังคมออนไลน์เชียงราย ทั้งๆที่มันมีประโยชน์...

ความคิดเห็นที่ 34
อากิระ
23 มิถุนายน 2009
22:25:09
IP : 222.123.215.253
ผมเสียใจอยู่อย่างคือเราเสวนากันแล้วมันไปไม่ถึงคน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือมีส่วนช่วยให้มันดีขึ้น เพื่อสังคม เพื่อเกษตรกรของประเทศเราครับ

ผมดีใจได้อ่านกระทู้ที่พาดพิงถึงหมอโรงพยาบาลหนึ่งในเชียงราย แล้วมีรักษาการ ผอ.ฟีดแบคมาอย่างรวดเร็ว ถ้าหน่วยงานอื่นได้อย่างนี้จะดีมาก มาก มากเลยครับ

ขอบคุณคุณเสี่ยวเอ้อ คุณหล่อเชียงราย คุณอวบแมน และทุกท่านในเวปนี้ด้วยครับที่มาแชร์กัน หวังว่าวันหนึ่งเราจะมีโครงการดีๆ มาเบรนสตอรมกันนะครับ

ความคิดเห็นที่ 35
เสี่ยวเอ้อ
24 มิถุนายน 2009
13:19:12
IP : 202.176.144.251
เช่นกันครับท่าน อากิระ น่ามีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูและนำไปปรับปรุงหรือต่อยอดนะครับ เหมือนเวบดังๆของไทย ที่มีระดับหัวกระทิมาสนทนากัน ก็มีนักการเมืองหรือรัฐบาลเข้ามาเสิร์จข้อมูลอยู่เป็นระยะๆ เพื่อประเมิณหรือเอาไอเดียดีๆมาประยุกต์ใช้ คงต้องฝาก WM. ประชาสัมพันธ์ไปยังหน่วยงานต่างๆให้หมั่นเข้ามาดู ...

ความคิดเห็นที่ 36
เว็บมาสเตอร์
25 มิถุนายน 2009
00:16:45
IP : 222.123.209.253
ของคุณท่านเสี่ยวเ้อ้อ คห 35 นะครับที่แนะนำ อันที่จริงก็อยากจะเอาเว็บไซต์ไปประชาสัมพันธ์ให้กับหน่วยงานราชการต่างๆทราบเหมือนกัน จะได้รู้ปัญหาและความเดือดร้อนของชาวบ้าน เหมือนที่ท่านได้แนะนำ แต่ทีนี้มันติดตรงที่ว่า เราก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกับทุกท่านที่ตั้งกระทู้-ความคิดเห็น ไม่ได้เป็นหน่วยงาน บริษัท หรือองค์กร ที่พอจะให้หน่วยงานต่างๆยอมรับได้ หรือแม้แต่ยังไม่รู้ด้วยว่าหากจะทำจริงๆต้องเริ่มต้นจากตรงไหนก่อน

ยังไงหากขาประจำท่านใด ที่ทำงานในหน่วยงานราชการ พอจะแนะนำได้้ทางทีมงานก็พร้อมจะรับฟังหรืออาจจะทำตามก็ได้ครับ(ถ้าไม่เกินความสามารถของเราจริงๆ)

ใครมีไอเดียไหน ที่จะช่วยเราจะประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ก็ลองเสนอมานะครับ ตั้งหัวข้อใหม่ก็ได้ครับ เผื่อหัวข้อนี้ไม่ได้กลับมาอ่านอีก


ความคิดเห็นที่ 37
คนหัวหมอ
25 มิถุนายน 2009
00:23:22
krongthip-@hotmail.com
IP : 118.172.67.159
นับถือความคิดของเห็นของเสี่ยวเอ้อจริงๆค่ะ
ดิฉันอ่านแล้วแบบว่า ใช่ค่ะถูกใจ(ไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นท่านอื่น)
มันแบบว่าอ่านเเล้วอยากเรียนต่อให้มันสูงๆไปเลยขออีเมลได้ไหมค่ะ

ขณะนี้เชียงรายโฟกัส ได้ย้ายไปใช้เว็บบอร์ดใหม่

ท่านสามารถเข้าไปใช้บริการได้ที่นี่ http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php

 


"...ข้อความที่ีท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าผู้เสียหายหรือผู้ถูกพาดพิงพบเห็นข้อความใดๆ ที่พาดพิงถึงท่านจนได้รับความเสียหาย หรือข้อความที่ี่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม กรุณาแจ้งมาที่ เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบทันที ขอขอบพระคุณ.."
 

เชียงรายโฟกัส ดอทคอม ชุมชนออนไลน์ของคนเชียงราย by :http://www.ChiangraiFocus.com
ทุกความคิดเห็นสามารถส่งมาได้ที่ ChiangraiFocus@hotmail.com | หน้าแรกเว็บไซต์เชียงรายโฟกัส | หางานเชียงราย | ลงโฆษณากับเชียงรายโฟกัส