กระดานข่าวเชียงรายโฟกัส ดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย

 
Untitled Document
 
ห้องนี้เตรียมไว้สำหรับ เรื่องทั่วไป ประกาศงาน หางาน แนะนำธุรกิจบริการ แนะนำเว็บไซต์ หรือไม่รู้ว่ากระทู้ตนเองควรจะอยู่ห้องไหน (หากโพสผิดที่ ผู้ดูแลเว็บ จะย้ายให้ตามความเหมาะสม)
++ ข้อความที่ีท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง ++

สมาชิกเข้าสู่ระบบ Username : Password : ลืมรหัสผ่าน
 ตั้งคำถามใหม่ | ตอบคำถาม | ผู้เข้าชม 273 ครั้ง  ตอบกระทู้ 0 คำตอบ

A
วันที่
27 มกราคม 2009
เวลา
02:48:40
IP
222.123.213.49
   

อย.เตือนระวังเจลมรณะทาปากถึงตาย

เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เตือนวัยรุ่นใช้เจลทิ้นท์ทาในปากและแก้มให้ดูสวยใส เซ็กซี่ ต้องเลือกที่มีมาตรฐานเชื่อถือได้ เพราะอาจมีสีอันตรายห้ามใช้ ทำให้เกิดอาการแพ้ ปากบวม เสี่ยงเป็นมะเร็งได้ ด้านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง แนะวิธีช่วยให้เลือดฝาดดี ปากแก้มแดงตามธรรมชาติ ไม่เสี่ยงแพ้ ให้ออกกำลังกาย กินอาหารมีประโยชน์ และดื่มน้ำมากๆ

นายแพทย์พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วัยรุ่นไทย เป็นวัยที่สนใจและให้ความสำคัญกับเรื่องความสวยความงามอย่างมาก โดยเฉพาะวัยรุ่นหญิงส่วนใหญ่จะรู้จักใช้เครื่องสำอางตั้งแต่อายุยังน้อย และมักจะเน้นการแต่งหน้าอิงตามกระแสแฟชั่น เพื่อให้ดูสวยใส มีสุขภาพดี ดูเป็นธรรมชาติ โดยเครื่องสำอางที่กำลังฮิตในหมู่วัยรุ่นไทยขณะนี้ก็คือ เจลสีที่วัยรุ่นเรียกว่าทินท์ (tint) เพื่อให้ปากมีสีอมชมพูระเรื่อหรือออกโทนส้มอ่อน ดูแล้วจะให้ความรู้สึกว่าเป็นคนมีสุขภาพดี มีเลือดฝาดดี มีความสวยเป็นธรรมชาติ และทาลิปกลอสทับ เพิ่มความมันวาวหรือเพิ่มความเซ็กซี่ จึงมีผู้ผลิตออกมาจำหน่ายหลากหลายยี่ห้อ วางขายตั้งแต่ห้างร้านราคาแพงลงไปถึงตามตลาดนัดราคาถูก

นายแพทย์พิพัฒน์ กล่าวต่อว่า การใช้ทินท์แตกต่างจากลิปสติกทั่วไปซึ่งมักจะทาที่ริมฝีปาก แต่การใช้ทินท์นั้นน่าเป็นห่วงมาก เพราะมีโอกาสที่วัยรุ่นจะกลืนกินสีที่เป็นส่วนผสมในเจลทินท์เข้าไปในร่างกายง่ายกว่า เนื่องจากจะใช้ทินท์ป้ายเข้าไปในริมฝีปากด้านในทั้งบนและล่าง ซึ่งเป็นเยื่อบุที่บอบบาง หากเป็นสีที่ไม่ใช่สีที่ใช้ผสมอาหาร เป็นสีต้องห้ามอันตราย หรือสีไม่ได้มาตรฐาน สารที่อยู่ในสีก็จะซึมเข้าไปตามเยื่อบุปาก และถูกกลืนกินเข้าไปในร่างกายได้ง่าย ทำให้มีความเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง ซึ่งจากผลทดสอบทางห้องปฏิบัติการพบว่าสามารถก่อมะเร็งในสัตว์ทดลองได้ ดังนั้นการเลือกใช้จึงต้องพิถีพิถันในเรื่องคุณภาพเป็นพิเศษ

นายแพทย์พิพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า กองเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย อย. ได้ทำการตรวจสอบเครื่องสำอางประเภทลิปสติก ในรอบ 3 ปีมานี้ โดยเน้นตัวอย่างในแหล่งชุมชนที่มีการจำหน่ายสินค้าราคาถูกและในจังหวัดที่ติดเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 693 ตัวอย่าง พบสีห้ามใช้ 164 ตัวอย่าง โดยลิปสติกที่ฉลากไม่ครบถ้วนหรือเป็นภาษาต่างประเทศ พบสีห้ามใช้ถึงร้อยละ 39 ซึ่งมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2535 ดังนั้น วัยรุ่นที่คิดจะใช้เครื่องสำอาง จึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ มีความปลอดภัย โดยดูจากบรรจุภัณฑ์ที่สะอาด ปิดผนึกแน่นหนา ที่สำคัญต้องมีฉลากระบุส่วนผสมสำคัญ แหล่งผลิต ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ข้อแนะนำการใช้อย่างชัดเจน เครื่องสำอางที่แบ่งบรรจุ ไม่มีฉลาก ไม่ควรซื้อมาใช้อย่างเด็ดขาด

ด้านนายแพทย์จิโรจ สินธวานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า ลิปสติกเป็นเครื่องสำอางที่ใช้แต่งริมฝีปาก เพื่อให้ความชุ่มชื้น ทำให้ริมฝีปากสวยงามและปกปิดความบกพร่องของริมฝีปาก หากลิปสติกมีส่วนผสมของสารต้องห้าม เช่น สารนิเกิล โลหะหรือสารตะกั่ว ซึ่งจะอยู่ในสีที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม ก็จะก่อให้เกิดอาการระคายเคืองอย่างรุนแรง เกิดพิษรุนแรง และพิษดูดซึมเข้าระบบทางเดินอาหาร ทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ตาพร่ามัว หรือทำให้ริมฝีปากปากปวดแสบปวดร้อน คัน เห่อแดง บวม หรือลอกเป็นขุย อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นลิปสติกที่ได้มาตรฐานทั่วไป แต่การใช้ลิปสติกทาบนริมฝีปาก ซึ่งเป็นเนื้อเยื่ออ่อนวันละหลายครั้ง และสัมผัสริมฝีปากเป็นเวลานานๆ ก็อาจทำให้เกิดการแพ้ได้ง่ายกว่าผิวหนังบริเวณอื่น โดยสาเหตุของการแพ้นั้น มาจากน้ำหอมที่เป็นส่วนผสมในลิปสติก หรืออาจมีสารบางชนิดกระตุ้นให้เกิดการแพ้

นายแพทย์จิโรจ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สีในลิปสติกบางชนิดอาจทำปฏิกิริยากับแสงแดด ทำให้เกิดผื่นผิวหนังอักเสบ ส่วนลิปสติกที่มีไขมันและน้ำมันน้อย อาจทำให้ริมฝีปากแห้งแตก ทำให้แพ้ง่าย เป็นต้น โดยระยะในการแพ้จะอยู่ในช่วง 7-10 วัน ที่ผ่านมาพบว่าสีลิปสติกที่ทำให้ผู้ใช้แพ้มากที่สุด ได้แก่ กลุ่มที่ให้สีสดคือ สีส้ม ชมพูและสีแดง แต่การแพ้นั้นไม่ได้เกิดทุกคน แต่ละปีจะมีคนแพ้ลิปสติก ปากเจ่อ พบแพทย์ที่สถาบันโรคผิวหนัง เฉลี่ยปีละประมาณ 100 ราย

“ปกติวัยรุ่นมักจะมีริมฝีปากเป็นสีที่เป็นธรรมชาติสวยอยู่แล้ว เพราะเป็นวัยที่มีสุขภาพดี การดูแลความสะอาดริมฝีปาก และทาลิปมันหรือลิปกลอสเพื่อให้ความชุ่มชื้นจึงเพียงพอแล้ว และหากมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะยิ่งช่วยให้ระบบการสูบฉีดเลือดในร่างกายดี ทำให้ปากและแก้มเป็นสีชมพูตามธรรมชาติยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ควรเลือกกินอาหารที่มีสารอาหารและวิตามินครบถ้วน ดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ปากชุ่มชื้น หากต้องการจะใช้เครื่องสำอาง ขอให้เลือกเครื่องสำอางที่มีคุณภาพเชื่อถือได้ มีการรับรองมาตรฐานถูกต้อง และควรสังเกตอาการแพ้ด้วย เพราะมีโอกาสเกิดขึ้นได้” นายแพทย์จิโรจกล่าว

------------------
เชียงใหม่นิวส์

 

ยังไม่มีผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น

ขณะนี้เชียงรายโฟกัส ได้ย้ายไปใช้เว็บบอร์ดใหม่

ท่านสามารถเข้าไปใช้บริการได้ที่นี่ http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php

 


"...ข้อความที่ีท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าผู้เสียหายหรือผู้ถูกพาดพิงพบเห็นข้อความใดๆ ที่พาดพิงถึงท่านจนได้รับความเสียหาย หรือข้อความที่ี่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม กรุณาแจ้งมาที่ เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบทันที ขอขอบพระคุณ.."
 

เชียงรายโฟกัส ดอทคอม ชุมชนออนไลน์ของคนเชียงราย by :http://www.ChiangraiFocus.com
ทุกความคิดเห็นสามารถส่งมาได้ที่ ChiangraiFocus@hotmail.com | หน้าแรกเว็บไซต์เชียงรายโฟกัส | หางานเชียงราย | ลงโฆษณากับเชียงรายโฟกัส