"ภูชี้ฟ้า สวรรค์ล้านนา ล้านความทรงจำ .. ความมืดจางหาย หมอกกลายเป็นทะเล แสนงาม .."
ได้ยินเพลงนี้แล้ว ทำให้นึกถึงตอนที่ไปเที่ยวภูชี้ฟ้าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรยากาศมันช่างเหมือนกับเพลงยิ่งนัก
เกือบทุกอาทิตย์คุณสามีจะต้องคอยถามแล้วล่ะว่า หยุดเสาร์-อาทิตย์นี้เราจะไปเที่ยวไหนกันดี? และคำตอบที่ได้จากลูกชายแสนซน ก็คือ "เที่ยวดอยจ้าาา" .... 555 คำตอบเดียว ที่ยังคงเหมือนเดิม แล้วปัญหาก็คือ เราจะไปเที่ยวดอยไหนอีกล่ะเนี่ย ...
และในสมองที่กำลังคิดครุ่นหนักกับสถานที่เที่ยวนั้น ก็ได้ปรากฏภาพทะเลหมอกขึ้นมา ... โอ้วว ..ทะเลหมอกที่สวยที่สุดตอนนี้ คงจะมีที่ "ภูชี้ฟ้า" เท่านั้น!! เพราะเห็นใน Fb ของ ททท. แจ้งว่า ได้รับรางวัล "สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดชม-ถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นสวยที่สุด (Best Destination for Sunrise Photography)" จากผลการลงคะแนนโหวตสถานที่ท่องเที่ยวและบริการยอดนิยมประจำปี 2557 ของผู้อ่านนิตยสาร Lonely Planet" .. มีรางวัลการันตีแบบนี้ พวกเราคงไม่พลาด!! แน่นอน .. ^_^
~ ลุงหลายก็ได้ออกแรงอีกครั้ง กับภารกิจในครั้งนี้ ~
ระยะทางจากบ้านเรา ไปถึงภูชี้ฟ้า
ประมาณ 120 กม.เห็นจะได้ ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองเชียงราย ตั้งแต่ 2 ทุ่มแก่ๆ ถึงภูชี้ฟ้า ประมาณ 5 ทุ่มนิดๆ ระหว่างทางเห็น
ดอกบัวตองสีเหลืองสวยเลยค่ะ ขึ้นตามทางไปภูชี้ฟ้า แต่พอขับรถไปถึงประมาณหมู่บ้านประชาภักดี-บ้านราษฎรภักดี
โอ้ววว.. แม่เจ้า!! ถนนบนโลกพระจันทร์หรืออย่างไร มันช่างโหดร้ายกับลุงหลายยิ่งนัก ทั้งหลุมทั้งบ่อ เต็มถนนไปหมด ระยะทางยาวพอสมควร สงสารก็แต่ลุงหลาย อายุก็มากแล้วต้องมาเผชิญกับอุปสรรคอันใหญ่หลวงแบบนี้ คุณสามีค่อยๆ ขับผ่านหลุมบ่อพวกนั้นไป ทีละนิดๆ กว่าจะผ่านทั้งหมดได้ เล่นเอาตับไตไส้พุงปริ้นกันเลยทีเดียว.. แต่ ก็ไม่ได้ทำให้พวกเราหวั่น ค่ะ
พวกเราจะต้องไปพิชิตยอดภูชี้ฟ้าให้ได้ (เห็นข่าวบอกว่า ทาง อบจ.กำลังปรับปรุงถนนสายนี้ น่าจะเสร็จประมาณต้นเดือนธันวาคมนี้ ไม่รู้จริงเปล่าน๊าาา .. อยากให้ทำให้เสร็จเร็วๆ ค่ะ นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปจะได้เดินทางได้สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น ^_^)
ปล.ขอบคุณภาพ จาก Fb เชียงของนิวส์ค่ะ พวกเราไม่ได้ถ่ายไว้ช่วงที่ผ่านถนนเส้นนี้ เพราะเป็นช่วงกลางคืน และต้องคอยระวังระหว่างขับรถด้วยค่ะ
" เย้ๆๆ ถึงภูชี้ฟ้าแล้ววว "
.. เสียงลูกชายดังขึ้น เมื่อลุงหลายพาพวกเราเดินทางมาถึงบริเวณทางขึ้นวนอุทยานภูชี้ฟ้า ตรงบริเวณสามแยก จุดตรวจที่1 กะจะไปนอนกางเต็นท์ ตรงจุดเดิมที่พวกเราเคยนอนกัน เมื่อหลายปีที่ผ่านมา คือ ลานกางเต็นท์ด้านบนวนอุทยาน (จุดตรวจที่ 2 ปัจจุบัน) แต่ ... พวกเรา พลาด!!! ซะแล้ววว .. วนอทุยานปิด เวลา 18.30 น. ห้ามรถทุกชนิดผ่านขึ้นบนวนอุทยาน จนกว่าจะตี 04.30 น. ของรุ่งเช้าอีกวันถึงจะเปิดให้ขึ้นได้ ... เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ดังนั้นพวกเราจึงหาที่นอนกันบริเวณหมู่บ้านร่มฟ้าไทย จะกางเต็นท์ก็ไม่ได้ งั้นก็นอนมันซะในรถเลย 555 ... ดีนะ ลุงหลายใจดี มีพื้นที่กว้างขวาง ให้คุณแม่กะคุณลูกได้นอนกันด้านหลัง ส่วนคุณพ่อก็นอนเอนเบาะได้สบาย (ต้องขอบคุณคุณสามีที่คิดการณ์ล่วงหน้า เผื่อไม่ได้กางเต็นท์พวกเราก็จะมีที่นอนในรถ จึงทำการถอดเบาะหลังทั้ง 2 เบาะออก ปูด้วยที่นอนปิ๊กนิก โอ้วว ที่นอนมันช่างพอดีกับตัวลุงหลายเลยทีเดียว ตามมาด้วยหมอนและผ้าห่ม ^_^)
ก่อนจะหาที่จอดรถนอนได้ พวกเราขับวนเข้าไปในหมู่บ้าน เพื่อสำรวจดูว่า มีจุดกางเต็นท์ที่อื่นอีกหรือไม่ .. แน่นอน เวลานี้ 5 ทุ่มกว่า .. ปิด .. ปิดหมดทุกที่ ทั้งร้านค้า ที่พัก เงียบสนิท .. ได้ยินแต่เสียงแว่วๆ ดังมาจากข้างล่าง ห่างไปประมาณ 100 เมตร มีกลุ่มวัยรุ่นกางเต็นท์ ก่อกองไฟกัน ทำให้คิดถึงตอนเป็นวัยรุ่นจังง -_-
จุดสำหรับกางเต็นท์ด้านล่างมีอยู่ประมาณ 2 จุด คือ บริเวณด้านล่างลานกิจกรรมของหมู่บ้าน กับ ตรงบริเวณสามแยกหน้าจุดตรวจที่ 1 พวกเราจึงตัดสินใจจอดรถนอน ณ จุดนี้ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวได้กางเต็นท์ และจอดรถนอน กันหลายครอบครัวทีเดียว ..
~ บรื้นๆ บรื๊นนนนน .. ~
เสียงนี้ปลุกให้พวกเราตื่น งัวเงียตื่นขึ้นมาเห็นรถมอเตอร์ไซด์เร่งเครื่องขึ้นเนินจุดตรวจที่1 คันแล้วคันเล่า .. ก้มดูนาฬิกา .. ตี 4 !! ... พวกเขาจะไปไหนกันนะ?? คุณสามีรีบตอบทันควัน "น่าจะไปเตรียมของขายบนลานจอดรถของจุดชมวิว" .. อ่อ ชาวบ้านเขาไปเตรียมของขายบนลานจอดรถนี่เอง เพื่อบริการให้นักท่องเที่ยว ทั้งของกิน เครื่องดื่ม ของฝาก เยอะแยะไปหมดค่ะ มีห้องน้ำบริการด้วยนะคะ 5 บาท ^_^
ตั้งแต่ตี 4 ที่พวกเราสะดุ้งตื่น ก็พากันนอนไม่หลับ กลัวหลับแล้วจะลืมตื่น หรือตื่นไม่ทันไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่บนยอดภู ก็เลยนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย รอให้ด่านเปิด
... ตี 4.40 แล้ว ด่านก็ยังไม่เปิด เอ... หรือเขาจะเปิด ตี 5 นะ คุยกะคุณสามี แต่แล้วก็มีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย ^_^ 555 ฟอร์จูนเนอร์สีขาว กับกระบะวีโก้สีดำ ขับมาจากด้านล่าง เลี้ยวฟึ๊บจะขึ้นตรงจุดตรวจที่1 แต่ต้องชะงักเมื่อด่านยังไม่เปิด .. พี่ขาวกะพี่ดำทั้ง 2 คัน คงลังเลแต่ยังไม่ดับเครื่องและไม่ถอยกลับค่ะ รอสัก 5 นาทีคงทนรอไม่ไหว กรดแตร!! เลยค่ะ ปื้นนนๆ 5555++ ได้ผล เจ้าหน้าที่เปิดด่านทันทีค่ะ ..
คุณสามีไม่รอช้า ขับรถตาม พี่ขาวกะดำ 2 คันนั้นไปเลยค่ะ ขึ้นไปถึงลานจอดรถ ประมาณตี 5 เตรียมตัว+กล้อง+ไฟฉาย พร้อมแล้ว ลุย!! ..
ปล.คุณสามีเดินทางไปคนเดียวนะคะ ตามตูด คนทีี่มากะพี่ขาวกะดำน่ะค่ะ ไป เพราะลูกชายจอมซน ยังไม่ยอมตื่น (ปรกติ ตื่น 6.30 - 7 โมงค่ะ) คุณแม่ก็ต้องรอ จะปลุกก็สงสาร เลยรอให้ตื่นก่อนค่ะ ระหว่างรอนั้น ก็ไม่เสียเวลาเก็บภาพบรรยากาศบริเวณลานจอดรถบนภูชี้ฟ้ามาให้ชมกันเลยค่ะ
~ จากลานจอดรถสู่ยอดภูชี้ฟ้า ~
ได้เวลาตื่นของเจ้าลูกชายแล้ว 06.15 น. ท้องฟ้าเริ่มสว่าง นักท่องเที่ยวเริ่มมามากขึ้น ต้องรีบเดินขึ้นยอดภูแล้วล่ะ ไม่งั้นไม่ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกแน่!! .. พลันล้างหน้าให้เจ้าลูกชายจะได้สดชื่น "โอ้ยยย .. น้ำเย็นๆๆ แม่ๆ หนูไม่ล้างแล้ว" 555 ก็แน่ล่ะสิ ที่ภูชี้ฟ้านี่อากาศเย็นสุดๆ ขนาดน้ำยังเย็นเหมือนออกจากตู้เย็นเลยทีเดียว จากนั้นพวกเราแม่ลูกรีบพากันเดินขึ้นยอดภูชี้ฟ้า ตามทางเดิน ระยะทาง 760 เมตร ณ เวลานี้ มีนักท่องเที่ยวเดินทางพร้อมกับเราหลายกลุ่มเลยค่ะ
ระหว่างทางจะเจอเด็กชาวเขายืนเป็นจุดๆ ทำการแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน ใครจะบริจาคเงินสมทบทุนการศึกษาก็แล้วแต่จิตศรัทธา เด็กๆ แต่งตัวชุดประจำเผ่า บ้างก็ร้องเพลง บ้างก็เป่าขลุ่ย บ้างก็ให้ให้ถ่ายรูปคู่ เด็กๆ พวกนี้สร้างความสนใจให้กับนักท่องเที่ยวไม่น้อย
นักท่องเที่ยวที่มาพิชิตยอดภูชี้ฟ้า มีทั้งเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ รวมถึงคุณลุงคุณป้า คุณตาคุณยาย แต่ละคนยังดูแข็งแรงดี แต่ก็อาจจะมีพักเป็นบางช่วง เนื่องจากต้องเดินขึ้นเขาเป็นระยะทางเกือบกิโล ขนาดตัวคุณแม่เองยังหอบแฮ่กๆ แต่คุณลูกนี่สิ .. วิ่งขึ้นดอยยังกะวิ่งทางราบ ไม่มีอาการเหนื่อยให้เห็นเลย .. "แม่ๆ รีบๆ หน่อย ตามหนูให้ทันนะ" ^_^
"มหัศจรรย์ทะเลหมอก@ภูชี้ฟ้าเชียงราย"
"แม่จ๋าๆ ทะเลหมอกสวยจัง!!" เสียงของเจ้าลูกชายตัวน้อยดังนั้น พร้อมกระโดดเหยงๆ ด้วยความตื่นเต้น .. พวกเราเดินทางขึ้นมาถึงตรงบริเวณจุดชมวิวด้านล่างยอดภูชี้ฟ้า ณ บริเวณนี้สามารถมองเห็นทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น สวยไม่แพ้กับบนยอดภูเลยค่ะ สามารถเห็นส่วนของยอดภูชี้ฟ้าที่ยื่นออกมา และหน้าผาคล้ายหัวสิงห์ เป็นมุมมหาชนที่ใครๆมาแล้วจะต้องถ่ายรูปเก็บไว้ ^_^
เจ้าลูกชายก็รบเร้าจะเดินขึ้นไปบนยอดภูให้ได้ แต่สังขารคุณแม่นี่สิจะไม่ไหว ^_^ พอดีกับคุณพ่อเดินลงมาหา เจ้าลูกชายก็ได้โอกาสชวนคุณพ่อเดินขึ้นไปบนยอดภูอีกครั้ง ... แล้วก็สมใจเจ้าลูกชายตัวน้อยก็พิชิตยอดภูชี้ฟ้าได้สำเร็จ 555
กว่าคุณแม่จะได้ถ่ายรูปทะเลหมอกกับวิวรอบๆ ก็รอคิวนานเลยทีเดียว เพราะนักท่องเที่ยวเยอะมากวันนี้ จะถ่ายรูปไปก็จะติดแต่หัวคน เลยยืนรอจังหวะ อิอิ ...ได้แล้ว ไม่รอช้า แช่ะ!! 4-5 รูป ได้มาแค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว ..ในใจคิดแอบจิ๊กรูปของคุณสามีมาโพสดีกว่า 555
ท้องฟ้าสว่างจ้า พระอาทิตย์ขึ้นเต็มดวง ณ เวลานี้ ประมาณ 7 โมงกว่า นักท่องเที่ยวก็กำลังเดินขึ้นมาพิชิตยอดภูชี้ฟ้าเรื่อยๆ สวนกับคนที่ได้สัมผัสความหนาวเย็น พร้อมชมทะเลหมอก และถ่ายรูปจนจุใจแล้ว ทยอยกลับเรื่อยๆ เหมือนกัน
ภูชี้ฟ้า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีทิวทัศน์และทะเลมอกสวยสวยขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงราย สมกับที่ได้รับรางวัล "สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดชม-ถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นสวยที่สุด" เลยค่ะ
มาเชียงรายแล้วแวะมาเที่ยวภูชี้ฟ้า เก็บภาพสวยๆที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นมาไปอวดเพื่อนๆ และคนที่บ้านกันนะคะ ร่วมกัน แช่ะ&แชร์ เท่านี้ ภูชี้ฟ้าก็เป็นที่รู้จักทั่วโลกค่ะ ^_^
~ ลาก่อนภูชี้ฟ้า ปีหน้าพบกันใหม่!! ~
^_^ หลายคนคงคิดแบบนี้ วางแผนจะกลับมาเที่ยวอีก เพราะความประทับใจในสถานที่เที่ยวที่มีจุดชมวิวสวยๆแบบนี้ พวกเราก็เหมือนกันค่ะ... ตอนนี้ก็ 8 โมงกว่าๆ แดดเริ่มร้อนได้เวลากลับบ้านกันแล้ว.. แต่ก่อนกลับแวะทานข้าวเช้าดื่มเครื่องดื่มร้อนๆ กันก่อนที่บริเวณหมู่บ้านร่มฟ้าไทย มีร้านอาหารและเครื่องดื่มบริการเยอะเลยค่ะ แวะเก็บภาพโดยรอบมาฝากก่อนจากลา ^_^
***
ระยะทางจากยอดภูชี้ฟ้าถึงตัวเมืองเชียงราย ประมาณ 120 กม.
การเดินทาง
สามารถขึ้นรถตู้โดยสาร จากชานชาลาหมาย 1 (ช่องรถโดยสาร เชียงราย-เทิง-เชียงคำ) ณ สถานีขนส่งแห่งที่1 ออกเดินทางวันละ 1 เที่ยว คือ บ่ายโมง และจะเดินทางกลับในเวลา 9 โมงเช้าของอีกวัน ราคา 150 บาท/เที่ยว สอบถามรายละเอียดได้ที่ลุงชุ่ม 080-858-6822 รถตู้นี้เป็นรถตู้เฉพาะกิจ มีให้บริการช่วงเดือน พ.ย. - ม.ค. เท่านั้น เพราะเป็นช่วงฤดูหนาว บริการนักท่องเที่ยวขึ้นภูชี้ฟ้า ปรกติจะวิ่งสายเชียงราย-เทิง-เชียงคำ ค่ะ
หากนำรถยนต์ส่วนตัวไป สามารถขับรถไปทางอำเภอเทิง ขับผ่านสี่แยกอำเภอเทิงไปทางอำเภอเชียงคำ ไม่ไกล จะเจอป้ายบอกไปภูชี้ฟ้า บริเวณสามแยกบ้านปี๊ ให้เลี้ยวซ้ายไปตามป้าย จนเจอ 3 แยกภูชี้ฟ้า (ที่มีป้ายบอกทางเยอะๆ) จะเลี้ยวซ้าย หรือขวาก็ได้ ถึงภูชี้ฟ้าเหมือนกัน แต่พวกเราเลี้ยวขวา เพราะถนัดทางนี้มากกว่า ^_^
~เก็บตกระหว่างเดินทางกลับ ~
ลงจากภูชี้ฟ้ามาได้สักหน่อย ตรง 3 แยกที่จะไปเวียงแก่น เห็นเขาจัดงานอะไรคนเยอะเลย ขับรถเข้าไปใกล้ๆ .. อ่อ น่าจะเป็นกาดนัดคนดอย เพราะมีร้านขายเสื้อผ้า ของใช้ เครื่องประดับ ของกิน ของชาวเขาแต่ละเผ่าเยอะมากเลยค่ะ พวกเราลงมาจากภูชี้ฟ้าช่วงเช้าของวันเสาร์ ไม่แน่ใจว่าเขาจัดกันทุกเสาร์รึเปล่า แต่เสื้อผ้าเด็กน่ารักมากมาย ^_^ จะแวะจอดรถซื้อคนก็เยอะ รถก็ติด เลยตัดสินใจขับรถจากไปด้วยความอาลัย (ใจจริงอยากซื้อให้เจ้าลูกชายใส่มากค่ะ อิอิ)
ขับผ่านกาดนัดมาได้ หันมองเจ้าลูกชายตัวน้อย ... 555 หมดฤทธิ์ซะละ สงสัยเพลียจากการตื่นเช้าๆ และเดินทั้งขึ้น-ลง ภูชี้ฟ้า ด้วยตัวเอง (ดูท่าทางแล้วไม่มีวี่แววว่าจะเหนื่อย) .. แต่สุดท้าย ก็ แบบในรูปค่ะ 555
พวกเราออกจากบ้านร่มฟ้าไทย ประมาณ 9 โมงครึ่ง กลับถึงบ้านที่ตัวเมืองเชียงราย ประมาณเที่ยงวัน ด้วยความปลอดภัย
ถึงโรงรถที่บ้านเจ้าลูกชายตื่นขึ้นมาแบบงงๆ "ถึงบ้านแล้วเหรอจ๊ะแม่?? หนูกำลังจะวิ่งขึ้นไปภูชี้ฟ้า" ..