x
ขณะนี้เรากำลังไลฟ์ คลิกที่นี่เพื่อชม
 

คอนเทนต์มาใหม่

มาสคอตเชียงรายเกมส์ คือ??

     ในวันนี้ผมได้ไปนั่งที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในเมืองเชียงราย ระหว่างที่นั่งพักก็เปิดหาข้อมูลนั่นนี่เกี่ยวกับสิ่งที่น่าสนใจไปเรื่อยๆ ในตอนนั้นเองผมก็เหลือบไปเห็นหัวข้อ “เจียงฮายเกมส์” จากนั้นก็คลิ๊กเข้าไปดู อ่านข้อมูลมาเรื่อยๆก็พบกับมาสคอตของเจียงฮายเกมส์ มันเป็นตัวอะไรสักอย่างที่ดูแล้วค่อนข้างน่าสนใจ เนื่องจากมันเป็นเหมือนตัวการ์ตูนที่มาจากต่างดาว มี 5 ตาดูแปลกๆดี ในตอนนั้นผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมเคยเห็นไอ้เจ้าตัวนี้มาก่อน จากหลายๆที่โดยที่ไม่ได้นึกเอะใจอะไร แต่วันนี้มันทำให้ตัวผมยิ่งสงสัยหนักเข้าไปใหญ่เลยต้องหาคำตอบ จากนั้นไม่รอช้าคว้าของออกไปตามหาข้อมูลจากคนในพื้นที่ในเมืองก่อน

คำถามแรกคือ “มันคือตัวอะไร?” คำตอบที่ได้รับจากชาวบ้านคือ " แมง 4 หู 5 ตา "  

ซึ่งคนหลายๆคนก็ตอบเหมือนกัน จากนั้นผมเลยยิงคำถามต่อไปว่า “แล้วคนส่วนมากรู้จักมั้ย?” บางคนก็รู้จัก บางคนไม่รู้จัก แล้วก็ได้รับคำอธิบายเกี่ยวกับมันแตกต่างกันออกไป บางคนก็ว่ามันเป็นรูปปั้น บางคนก็บอกว่ามันชื่อแมง 4 หู 5 ตานะ แต่ว่ามันเป็นควาย บางคนก็บอกว่าเคยได้ยิน เคยเห็นแต่ว่าไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับมัน แล้วก็ได้รับคำตอบจากป้าพรรณซึ่งเป็นแม่ค้าขายผลไม้ในตลาดกาดหลวงว่า “ มันเป็นสัตว์ตัวหนึ่งในสมัยโบราณมีอยู่ในนิทานพื้นเมืองของที่เชียงราย ”

จากนั้นป้าพรรณก็เล่าที่มาคร่าวๆของเจ้าตัวนี้ให้ผมได้ฟัง “กินถ่านไฟร้อนๆขี้ออกมาเป็นทองคำ” นั่นไงยิ่งเจอประโยคนี้เข้าไปยิ่งทำให้อยากค้นหาเข้าไปอีก คำถามที่ตามมาคือ “แล้วมันมีที่มาจากไหน?” ชาวบ้านหลายคนตอบมาเหมือนกันว่าให้ไปที่ดอยเขาควาย หรือ วัดพระธาตุดอยเขาควายแก้ว ระหว่างทางที่ผมตาหาข้อมูลก็มีป้าคนนึงบอกว่า “ จะไปมั้ย? เดี๋ยวป้าไปส่ง ” เป็นอะไรที่น่ารักมากๆสำหรับชาวบ้านที่นี่ จากนั้นผมก็ไม่รอช้าที่จะตามไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าตัวนี้ ผมเลยไปที่ดอยเขาควาย


 ทันทีที่มาถึงยอมรับเลยว่าระหว่างทางที่ขึ้นมานั้นบรรยากาศค่อนข้างดี วิวข้างทางเป็นป่าไผ่ เป็นการขึ้นดอยที่อยู่ในตัวเมืองซึ่งมีอยู่ไม่กี่ที่ในตัวเมือง พอมาถึงข้างบนในแว๊บแรกก็พบกับตัวพระธาตุแล้วก็เห็นรูปปั้นควาย แต่ว่าควายหลายๆตัวทำไมถึงมี 5 ตา? เดินมาอีกนิดใกล้ๆกับตัวพระธาตุก็จะเห็นรูปปั้นเจ้าแมง 4 หู 5 ตาที่มีกระถางธูปแล้วคาถูบูชา แต่ว่าข้างหน้านั้นมีเตาถ่านตั้งอยู่หลายเตาแล้วก็จุดไฟไว้ตลอดเวลา มันทำให้ผมเริ่มมองเรื่องนี้เปลี่ยนไปว่านอกจากเรื่องนิทานพื้นบ้านแล้วยังต้องมีเรื่องความเชื่อเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแน่นอน ผมเดินไปก็เจอกับหลวงพี่รูปนึง ผมก็เลยถามข้อมูลเกี่ยวกับแมง 4 หู 5 ตา หลวงพี่ก็เลยแนะนำว่าให้เข้าไปด้านในเพื่อไปถามและพูดคุยกับพระครูบา


   จากนั้นผมก็เดินเข้าไปพบกับพระครูบาสนอง สุมะโน เพื่อขอให้ท่านช่วยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแมง 4 หู 5 ตาให้ผมฟังจากนั้นท่านก็เริ่มเล่าเรื่องแบบย่อๆให้ผมฟังว่า  “...ตำนานของแมงสี่หูห้าตานั้น เป็นตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมา และเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างวัดพระธาตุดอยเขาควายแก้วของจังหวัดเชียงราย ในส่วนนี้ เป็นตำนานของแมงสี่หูห้าตาตามฉบับที่ถูกต้องที่สุด ซึ่งเป็นตำนานฉบับวัดดอยเขาควายแก้วของจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นเรื่องราวของ "อ้ายทุกคตะ" มีความว่าในอดีตกาล ประมาณ 1,000 กว่ามีมาแล้ว มีเมืองหนึ่งที่ชื่อ นครพันธุมติ มีพระเจ้าพันธุมติราชปกครองอย่างร่มเย็นเป็นสุข และพระเจ้าพันธุมติราชนั้นมีพระมเหสีเจ็ดพระองค์ ในเมืองนี้ มีครอบครัวคนจนอยู่ มี 3 พ่อแม่ลูก ออกขอทานหาช้าวกินค่ำ ลูกคนนี้มีชื่อว่า " อ้ายทุกคตะ " เมื่อเขามีอายุ แค่เพียง 4 ขวบ แม่ก็มาด่วนจากเสียชีวิตไป การออกขอทานของอ้ายทุกคตะนั้น ก็มีทั้งชาวบ้านที่ใจดีที่ยอมให้ทานและชาวบ้านที่ไม่ชอบหน้าได้ขับไล่ไปก็มี เมื่ออ้ายทุกคตะมีอายุได้ 12 ปี พ่อก็ให้ลูกไปรับจ้างเลี้ยงวัวเลี้ยงควายของผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของเมืองนี้ แต่ไม่กี่ปี พ่อก็มาป่วยหนัก คิดว่าจะไม่รอด จึงอบรมและสั่งเสียให้อ้ายทุกคตะเป็นคนดีมีศิลธรรม เชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ เมื่อพ่อเสียชีวิต ให้ฝังศพไว้ที่ป่า จนกว่าหัวกะโหลกของพ่อจะหลุด แล้วนำมาไหว้สัการะบูชาที่บ้าน เมื่ออายุ 17 ปี ก็ให้ลากหัวขึ้นดอย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ถ้าหัวติดตรงไหน ก็ให้ฝั่ง แล้วทำบ่วงแร้วดักจับสัตว์ตรงนั้น ถ้าสัตว์ตัวใดมาติดบ่วงแร้ว ให้จับมาเลี้ยงไว้


หลังจากนั้นพ่อก็เสียชีวิตลง อ้านทุกคตะทำตามคำสั่งเสียของพ่อทุกอย่าง จนกระทั่ง เมื่อมาดูศพของพอแล้ว หัวหลุด จึงทำตามคำสั่งเสียของพ่อ และเมื่อถึงเวลา อ้ายทุกคตะลากหัวพ่อจนไปติดที่หน้าถ้ำแห่งหนึ่ง จึงได้ทำบ่วงแร้วดักจับสัตว์ที่นั่น และหลังจากนั้น 2-3 วัน เมื่ออ้ายทุกคตะมาดู ปรากฏว่า มีสัตว์ประหลาดมาติดบ่วงแร้ว ลักษณะตัวดำ ต่ำอ้วนเหมือนหมี ขนยาวสีดำ มีหู 4 หู และ มีตา 5 ตา จึงเป็นชื่อเรียกของ แมงสี่หูห้าตานั่นเอง


อ้ายทุกคตะได้เห็นแมงสี่หูห้าตามาติดบ่วงแร้วนั้น ก็ไหว้ถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า สัตว์ประหลาดตัวนี้ ทำให้ตนเข้าใจว่า เป็นพ่อได้กลับมาเกิดเป็นแมงตัวประหลาดตัวนี้ หลังจากนั้น เขาก็นำแมงสี่หูห้าตาไปเลี้ยงที่บ้าน และล้อมคอกไว้โดยไม่ให้ใครเห็น เอาข้าวเอาน้ำให้มันกิน แต่มันก็ไม่ยอมกินอะไรที่เขาให้เลย และเขาก็ไม่มีเวลามาดูแลหรือให้ความสนใจกับแมงสี่หูห้าตามากนัก เพราะต้องเลี้ยงวัวเลี้ยงควายตามปกติ


ในช่วงนั้นเป็นฤดูหนาว เมื่ออ้ายทุกคตะกลับมา ก็เอาไม้มาจุดไฟเพื่อก่อกองไฟ จนเป็นถ่าน และมีถ่านหนึ่งกระเด็นออกไปหาแมงสี่หูห้าตา ด้วยความหิวกระหาย มันจึงกินถ่านไฟแดงตรงนั้น อ้ายทุกคตะเกิดความแปกใจ จึงก่อกองไฟและเขี่ยถ่านให้แมงสี่หุห้าตากินอย่างไม่ขาด วันต่อมา แมงสี่หูห้าตาได้ถ่ายขี้ออกมาเป็นทองคำจำนวนมาก เมื่อคิดได้เช่นนั้น ในแต่ละวัน อ้ายทุกคตะจึงก่อกองไฟแล้วนำถ่านไฟแดงร้อน ๆ มาให้แมงสีหูห้าตากินอย่างไม่ขาด และมันก็ขี้ออกมาเป็นทองคำทุก ๆ วัน อ้ายทุกคะก็ขุดดินฝังทองคำจนเต็มไร่เต็มสวน


ต่อมา ก็มีข่าวการเผยโฉมของ "พระนางสีมา" พระราชธิดาของพระเจ้าพันธุมติราช ซึ่งเป็นพระราชธีดาที่มีรูปโฉมสวยงาม จนเหล่าบรรดาเจ้าเมืองต่าง ๆ หลายร้อยเมือง มาขอเป็นมเหสี (ขอแต่งงาน) พระเจ้าพันธุมติราชจึงตัดสินใจว่า ถ้าต้องการพระนางสีมาเป็นมเหสี ให้สร้างรางรับน้ำฝนทองคำจากบ้านมายังปราสาท ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือเป็นไปได้ยาก แทบจะเป็นไปไม่ได้ จึงทำให้เรื่องนี้เงียบหายไป แต่อ้ายทุกคตะก็ได้ทราบถึงเรื่องนี้ด้วย จึงไปจ้างช่างทำรางรับน้ำฝนไปสร้างด้วยทองคำ และสร้างจากบ้านมายังปราสาท


หลังจากนั้น ทำให้ชาวบ้านในเมืองได้เห็นสิ่งที่หน้าประหลาด นั้นคือ รางรินน้ำทองคำ ก่ายพาดตามทาง ยาวสุดลูกหูลูกตา เมื่อพระเจ้าพันธุมติราชทรงทราบ จึงให้เสนาอำมาตย์ ไปติดตาม พบว่า รางน้ำนั้นมาจากบ้านของอ้ายทุกคตะ พระเจ้าพันธุมติราชจึงสั่งการให้ทำถนนเป็นอย่างดีไปจนถึงบ้านของอ้ายทุกคตะ เมื่อได้ฤกษ์ยามที่ดี อ้ายทุกคตะจึงได้อภิเษกสมรสกับพระนางสีมา และจัดแต่งองค์ให้กับอ้ายทุกคตะ



หลังจากที่อ้ายทุกคตะได้อภิเษกสมรสมาเป็นบุตรเขยแล้ว พระเจ้าพันธุมติราชจึงถามเรื่องทองคำว่าได้มาจากไหน เขาก็ตอบว่าได้มาจากแมงสี่หูห้าตา พระราชาจึงสั่งให้ไปขุดทองที่บ้านในสวนจนหมด ใช้เวลา 7 วัน 7 คืนกว่าจะขุดได้หมด เพื่อเอาทองคำมาเป็นทรัพย์สมบัติ เมื่อถามถึงเรื่องตัวของแมงสี่หูห้าตาแล้ว จึงขอให้อ้ายทุกคตะไปเอาตัวมันมา แต่มันกลัวพระเจ้าพันธุมติราช จึงหลุดหนีออกไป พระราชาจึงสั่งให้เสนาอำมาตย์ไปตามจับมา ซึ่งหนีได้ 2 ครั้ง และครั้งที่ 3 จับได้จึงใส่กรง


วันหนึ่ง เมื่อพระเจ้าพันธุมติราชต้องการจะสัมผัสตัวแมงสี่หูห้าตา เมื่อเปิดกรงออก มันจึงหนีออกจากกรง พระราชาจึงวิ่งตาม จนมาถึงหน้าถ้ำอีกที่หนึ่ง พระราชาคิดว่าแมงสี่หูห้าตาวิ่งหนีเข้าไปในถ้ำ จึงตามเข้าไป ทำให้ถ้ำเกิดดินถล่มปิดปากทำ พระเจ้าพันธุมติราชจึงถูกขังอยู่ในถ้ำ พวกเสนาอำมาตย์จึงหาไม่เจอ พระเจ้าพันธุมติราชที่ถูกขังอยู่ในถ้ำนั้น ก็ได้แต่โทษตัวเองว่า ด้วยความโลภเพราะอยากได้แมงสี่หุห้าตา จึงถูกกักขังไว้ในถ้ำแห่งนี้ และคาดว่าจะสวรรคต เมื่อถ้ำแตกออกเป็นรูเล็กๆ จึงเรียกพวกเสนาอำมาตย์ให้ไปตามพระมเหสีทั้ง 7 มา และสั่งให้ ทั้ง 7 คนพากันสละความอายด้วยการเปิดผ้าถุงให้เห็นสรีระและอวัยวะภายในของมเหสีทั้ง 7 ให้เห็นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนสวรรคต พระมเหสีของพระเจ้าพันธุมติราชต่างเกี่ยงกันไปเกียงกันมาด้วยความอาย ไม่กล้าเปิดผ้าถุง แต่แล้ว พระมเหสีเมียน้อยคนที่ 7 จึงตัดสละความอาย เปิดผ้าถุงให้ดู ทำให้เห็นอวัยวะเพศหญิง จึงเกิดสิ่งมหัศจรรย์ มีเสียงหัวเราะจากถ้ำทำให้ปากถ้ำเปิด พระเจ้าพันธุมติราชหนีรอดออกมาได้ และสวมกอดมเหสีคนที่ 7 ว่าต่อไปนี้พี่จะรักเมียน้อยมากกว่าเมียหลวงต่อไป ด้วยเหตุการณ์นี้ ทำให้ผู้ชายหลงรักเมียน้อยมากกว่าเมียหลวงนั่นเอง



เมื่อทั้งหมดกลับเมือง ก็มีความสงบสุขเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา จนกระทั่งพระเจ้าพันธุมติราชได้สละราชสมบัติให้กับอ้ายทุกคตะซึ่งเป็นบุตรเขยได้สืบราชวงค์ต่อไป และได้เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า "พระยาธรรมมิกะราช" และมีการเฉลิมฉลองนับ 7 วัน 7 คืน มีพระสงฆ์มาเผยแพร่พระพุทธศาสนา แล้วนำพระบรมพุทธสารีริกธาตุนิ้วก้อยข้างซ้ายของพระพุทธเจ้ามาถวาย ในฐานะที่เป็นเจ้าเมือง พระยาธรรมมิกะราชจึง โปรดให้สร้างวัดวาอารามต่าง ๆ เพิ่มขึ้น และได้สร้างวัดดอยเขาควายแก้วโดยนำเอาพระบรมพุทธสารีริกธาตุนิ้วก้อยข้างซ้ายของพระพุทธเจ้าบรรจุใส่ไว้ในเจดีย์ของวัดดอยเขาควายแก้วอีกด้วย วัดนั้น สร้างตรงยอดดอยที่มีถ้ำที่แมงสี่หูห้าตามาติดบ่วงแร้วได้ที่นั่น และเป็นวัดพระธาตุดอยเขาควายแก้วของจังหวัดเชียงรายในปัจจุบัน “



       จากนั้นพระครูบาก็บอกกับผมอีกว่าที่จริงแล้วแมง 4 หู 5 ตา มีเป็นเรื่องจริงด้วยนะ เรียกว่าเรื่องจริงอิงธรรมะ แมง 4 หู 5 ตา คืออะไร 4 หูก็คือ “อริยสัจ 4” 5 ตาก็คือ “ศีล5” กินถ่านไฟร้อนๆคืออะไร ถ่านไฟนั่นก็คือ“กิเลส” ขี้ออกมาเป็นก้อนทองคำคือ “ความคิดดี คำพูดดี การกระทำดี เพื่อเป็นประโยชน์แก่ตนเอง แก่ผู้อื่น แก่สังคม แก่ชาวโลก” ส่วนอาศัยอยู่ในถ้ำ “ ถ้ำก็คือตัวเราเอง ” แมง 4 หู 5 ตา นี่ก็เปรียบเหมือนคนเราทุกคนนั่นเหละ หลังจากที่ได้รู้จักกับแมง 4 หู 5 ตาแบบเต็มที่แล้วผมก็ลาพระครูบาสนอง แล้วเดินไปต่อที่ถ้ำของแมงตัวนี้ 

ระหว่างทางเดินลงไปก็รู้สึกเหมือนว่ายิ่งได้รู้จักแล้วก็เริ่มจะเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้น ตรงปากทางถ้ำจะมีเตาถ่านวางไว้อยู่ ที่ปากถ้ำเป็นรูเล็กๆที่มองเข้าไปได้ยากมาก แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยๆ วันนี้ผมก็ได้รู้จักเรื่องราวเรื่องนี้เป็นความรู้ใหม่และได้รู้จักกับสถานที่แห่งนี้ว่าแต่ที่ “ดอยเขาควายนอกจากจะมีแมงนี่แล้ว คนส่วนใหญ่มาทำอะไรกันบ้าง?” 

      จากสิ่งที่ผมเห็นในตอนเย็นๆจะมีคนมาปั่นจักรยานขึ้น-ลงที่ดอยนี้ค่อนข้างเยอะ มีคนมาวิ่งออกกำลังกาย บางคนก็ขึ้นมานั่งพักผ่อนเพราะว่าที่นี่วิวดี เป็นดอยใกล้ๆเมืองที่สามารถมองเห็นวิวในตัวเมืองเชียงรายได้ทั่วเลย ถ้าหากว่าใครที่อยากจะดูวิวในเมืองแนะนำที่นี่เลยครับ สำหรับวันนี้ผมเองก็ต้องขอจบเรื่องราวเอาไว้เพียงเท่านี้


Written : Thana Tantranon

Photo : Thana Tantranon